วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Collagen คอลลาเจน บำรุงผิว เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง



คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ ทำหน้าที่ เสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบ เนียน
ในวัยเด็ก คอลลาเจน ยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก จึงทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาวมีผิวหนังที่เต่งตึง แต่เมื่อมีวัยมากขึ้น เส้นใย คอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลายและมีปริมาณลดลง ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย ยิ่งสูงวัยขึ้นเท่าใด ริ้วรอยแห่งวัยก็เห็นชัดขึ้นเท่านั้น ริ้วรอยแรกที่มาเยือนที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ รอยตีนกา เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตามีความบอบบางมาก อีกทั้งกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เป็นกล้ามเนื้อวงกลม ไม่มีอะไรยึด ผิวรอบดวงตาก็เลยจะเหี่ยวมากกว่าที่อื่น

อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้แก่ร่างกายได้เพื่อลดรอยเหี่ยวย่น ด้วยการรับประทาน คอลลาเจน หรือ วิธีการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ แต่วิธีการฉีดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นวิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

คอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง และยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด โดยเฉพาะข้อต่อในการรับน้ำหนักและขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินหรือวิ่ง เป็นต้น
นอกจากนี้คอลลาเจนยังเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ โดยทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ “ อิลาสติน ” ( Elastin ) ในขณะที่ คอลลาเจน มีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว อีลาสติน ก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว ควบคู่กันไปด้วย
ร่างกายของคนเรานั้นจะมี คอลลาเจน หนาแน่นในวัยเด็ก และจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา จึงเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลาย ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลงอันเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย รวมถึงการเกิดปัญหาข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม อันเนื่องมาจาก คอลลาเจน ใน กระดูก ลดลง ทำให้ กระดูก ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ขาดความยืดหยุ่น เปราะหักง่าย เป็นต้น
โดยพบว่าคนที่มีอายุ 25 ขึ้นไป จะมีปริมาณ คอลลาเจน ลดลงทุกปี ปีละ 1.5% อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้ร่างกายได้ ด้วยการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ และอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกคือ การรับประทาน คอลลาเจน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนังและเพื่อเสริมให้กระดูกแข็งแรง ควรรับประทาน คลอลาเจน และ แคลเซียม เสริมจะช่วยป้องกัน ภาวะกระดูกพรุนได้

การสังเคราะห์คอลลาเจน

 ในชั้นหนังแท้ (Dermis) มีเซลล์ชนิดหนึ่งชื่อ ไฟโบรบลาสท์ (Fiberblast) ซึ่งกระจายไปทั่วและมีจำนวนมาก ทำหน้าที่สังเคราะห์ คอลลาเจน (Collagen) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) และยังผลิตอิลาสติน (Elastin) ออกมาอีกจำนวนหนึ่งด้วย วิธีการผลิตคอลลาเจนของเซลล์ไฟโบรบลาสท์มีลักษณะคล้ายกับวิธีการทำงานของเซลล์ประเภทเม็ดโลหิตขาวขนาดใหญ่ คือ ตรงบริเวณเยื่อหุ้มเซลล์จะมีพื้นที่เฉพาะ (Receptor) สำหรับให้โมเลกุลของสารเคมีหรืออาจเป็นเนื้อเยื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นหรือก่อกวนเซลล์ไฟโบรบลาสท์ให้ทำงานมาเกาะ รูปร่างของโมเลกุลที่เป็นตัวให้สัญญาณจะต้องพอดีกับพื้นที่เฉพาะ (Receptor) นั้น จึงจะเกิดการทำงาน ถ้าจับกันสนิทแนบแน่น เซลล์ไฟโบรบลาสท์ ก็จะเกิดการตื่นตัว (Active) และเร่งผลิตสารเคมี 3 อย่างออกมา ได้แก่ 1) คอลลาเจน (Collagen) ทำให้ผิวตึง แน่น 2) อิลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวหนังสามารถโค้งงอได้และเป็นตัวมัดคอลลาเจน และ 3) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติสำคัญคือสร้างความชุ่มชื้น เพราะสามารถดูดน้ำไว้ในตัวเองได้ถึง 1,000 เท่าโดยน้ำหนัก และจะเป็นตัวทำให้ผิวหนังเต็มออกมา ซึ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ประโยชน์ของคอลลาเจนคอลลาเจน(Collagen) 

ทำหน้าที่เชื่อมเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกายเข้าด้วยกัน ช่วยปกป้องอวัยวะภายในร่างกายให้อยู่ด้วยกันในผิวหนังชั้นหนังแท้ รวมทั้งมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเรียบตึงของผิวหนังทำให้ผิวหนังแข็งแรงและเรียบเนียนในด้านโภชนาการ พบว่าโดยทั่วไปแล้ว โปรตีนเกือบทุกชนิดถูกย่อยด้วยระบบย่อยอาหารในทางเดินอาหารจนได้กรดอะมิโนอิสระ ซึ่งมีครบทั้ง 20 ชนิด แต่จากที่คอลลาเจนเป็นโปรตีนไม่สมบูรณ์ คือให้กรดอะมิโนไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ กล่าวคือคอลลาเจนจะให้กรดอะมิโนอิสระเพียง 5 ชนิด ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนนั้น จึงเป็นการรับประทานเพื่อความบันเทิง มากกว่าจะเอาประโยชน์อย่างจริงจัง ทั้งนี้เพราะคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบของผิวหนังกระดูก กระดูกอ่อน(cartilage) เอ็น (tendons) และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวกับการยืดเหนี่ยว (ligaments)เช่น เหงือกของสัตว์ชั้นสูง ดังนั้นเวลาที่เราเคี้ยวคอลลาเจนจึงเปรียบเหมือนที่เราเคี้ยวลูกชิ้นเอ็นปัจจุบันคอลลาเจนถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย เช่น ทางการแพทย์ใช้เพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง ใช้เป็นไหมละลายในการผ่าตัด ใช้เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใช้เป็นสารบุร่องเหงือก ตลอดจนใช้เป็นเครื่องสำอางเพื่อทำให้ผิวหนังดูอ่อนวัย ลบริ้วรอยปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนจากข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนคือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดดจ้าที่เข้มข้นด้วยรังสี UV เกินปกติ มลพิษต่างๆ การสูบบุหรี่ สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จากสาเหตุดังกล่าวส่งผลทำลายผิวหนังในชั้นกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือคอลลาเจน และอิลาสติน ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวหนังดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่นดี และควบคุมความชุ่มชื้น ซึ่งจะถูกทำลายให้บางลงในวัยเด็ก และวัยหนุ่มสาว เราจะสังเกตเห็นว่าผิวหนังจะมีความเต่งตึง เนื่องมาจากคอลลาเจนยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก นอกจากนี้คอลลาเจนยังมีการสร้างทดแทนอยู่ตลอดเวลาที่ร่างกายแข็งแรง แต่กระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกายโดยเฉพาะที่ผิวหนังนั้นก็จะน้อยลงเรื่อยๆเมื่อยิ่งสูงวัยขึ้น ทำให้เกิดความไม่สมดุลกันระหว่างการผลิต และการสลายตัวของคอลลาเจน จนถึงจุดหนึ่งการสูญเสียคอลลาเจนตามธรรมชาติเกิดมากกว่าการสร้าง ส่งผลทำให้ชั้นผิวหนังยุบและทรุดตัวลงอันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย

--- สนใจสั่งซื้อ Collagen กดที่นี้เลยครับ ---

ไม่มีความคิดเห็น: