วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Red Yeast Rice ข้าวแดงหมักยีสต์





สารสกัดจากเรดยีสต์ไรซ์ (Red Yeast Rice Extract)

   เรดยีสต์ซ์ คือข้าวแดงที่ได้จากการหมักด้วยเชื้อราโมแนสคัส (Monascus Purpureus) ซึ่งได้ใช้มามากกว่าพันปีในประเทศจีนเพื่อใช้ในการเก็บรักษาอาหาร (Food preservative) และใช้เป็นสีอาหาร (Food colorant) ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ไวน์แดง เต้าหู้ยี้ มิโซะ สาเก เป็นต้น ในประเทศจีนได้ใช้เป็นยาสมุนไพรจีนโบราณ ที่ ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น (Improving blood circulation) ช่วยในการบรรเทาการย่อยอาหารที่ไม่ดี และท้องเสีย (For alleviating indigestion and diarrhea) แต่ในปัจจุบัน เรดยีสต์ไรซ์ ได้มีการพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ของจีน และอเมริกาให้ใช้ในการลดไขมันโคเรสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ในหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดต่างๆ ของร่างกาย (Including lower blood lipids, cholesterol and triglycerides) ช่วยลดความดันโลหิต

   ในการวิจัยล่าสุดพบว่า คนที่มีไขมันในเลือดสูงเมื่อรับประทาน Red Yeast Rice และน้ำมันปลา พร้อมๆ กับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการทำเทคนิคผ่อนคลาย จะช่วยลดไขมันร้าย ในเลือดลงได้ร้อยละ 40 หรือเทียบเท่ากับการรับประทานยาลดไขมัน ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลงได้

---สนใจสั่งซื้อ Red Yeast Rice กดที่นี้ครับ---

Garlic กระเทียม เพื่อสุขภาพ




ประโยชน์ของกระเทียม (Garlic)

     การศึกษาทดลองคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาในระยะหลัง พบว่า กระเทียมมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกหลายอย่าง แต่การนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้ผลอย่างจริงจังยังจะต้องมีการศึกษาผลทางคลินิกวิทยาให้ถ่องแท้เสียก่อน โดยสรรพคุณต่างๆ ของกระเทียมมีดังนี้

1.ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศีรษะและผม
2.ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารก และทำให้เกิดโรคมุตกิดระดูขาวที่มักจะเกิดในหญิงที่ตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
3.ลดความดันโลหิตสูง
4.ลดไขมันและคอเลสเตอรอล
5.ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
6.ลดน้ำตาลในเลือด
7.ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือ มีสารอัลลิซิน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักทำให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื้อยาเพนนิซิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื้อยาอีกด้วย นอกจากนี้ ยังฆ่าเชื้อบิดมีตัวที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิซิน รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียม ซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
8.ยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรค และเชื้อปอดบวม
9.รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
10.เป็นยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ
11.รักษาโรคไอกรน
12.แก้หืดและโรคหลอดลม
13.แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย
14.ควบคุมโรคกระเพาะ คือมีสารเอเอส 1 ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ และยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย
15.ขับพยาธิต่างๆ ได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และมีรายงานทดสอบจากอินเดียว่า กระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี
16.แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารอัลลิซินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายังบริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น
17.แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย
18.ต่อต้านเนื้องอก
19.กำจัดพิษตะกั่ว
20.บำรุงร่างกาย

---สนใจสั่งซื้อ Garlic กดที่นี้ครับ---

Bee Pollen Complex เกสรผึ้ง คุณสมบัติที่มีมากมาย



เกสรผึ้ง Bee Pollen Complex  หรือบีพอลเลน

   คือละอองเม็ดเล็ก ๆ คล้ายฝุ่นแป้งที่เกิดและหลุดจากช่อเกสรตัวผู้ของดอกไม้ ที่ผึ้งเป็นผู้รวบรวมคลุกเคล้ากับน้ำหวานของดอกไม้ และทำเป็นก้อนเล็ก ๆ ติดไว้ที่ปลายขาหลังทั้งสองข้าง แล้วนำไปเก็บไว้ในรังเพื่อเป็นอาหารเลี้ยงตัวอ่อน
   ผึ้งงาน 1 ตัว จะรวบรวมเกสรได้ 4 ล้านอณูใน 1 ชั่วโมง, ละอองเกสร 1 ช้อนชา จะมีเกสรถึง 25 พันล้านอณู ซึ่งแต่ละอณูสามารถเจริญเป็นผลไม้ได้ 1 ผล หรือต้นไม้ 1 ต้น เกสรผึ้งอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุจำนวนมาก

ส่วนประกอบของเกสรผึ้ง   
  
- เกสรผึ้งอุดมไปด้วยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่น
- โปรตีน เป็นส่วนใหญ่และโปรตีนนี้มีประโยชน์ต่อผึ้ง และมนุษย์สูงกว่าเนื้อ นม ไข่ ถึง 5 เท่า ในขนาดที่มีน้ำหนักเท่ากัน
- วิตามิน 16 ชนิด ได้แก่ วิตามินบีคอมเพล็กซ์, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินดี, วิตามินเค
- กรดอะมิโน 18 ชนิด และมีชนิดที่จำเป็นในการช่วยควบคุมน้ำหนัก
- เอนไซม์ 18 ชนิด
- แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซี่ยม, เหล็ก, ทองแดง, ไอโอดีน และสังกะสี ฯลฯ

คุณประโยชน์

- บีพอลเลน อุดมไปด้วยสารอาหารธรรมชาติที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- มีคุณสมบัติในการดูดซับวิตามินและแร่ธาตุ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมอาหารและแร่ธาตุต่างๆไปใช้อย่างเต็มที่
- เป็นสารกระตุ้นทางชีวภาพ ที่ช่วยละจิตใจตอบสนองต่อการเผชิญต่อสถานการณ์ต่างๆ อีกทั้งไทอามินในวิตามินบี 1 ยังช่วยกระตุ้นการตื่นตัวของระบบสอง ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น และมีสมาธิ ทั้งยัง   สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลียทั่วไป อาการเฉื่อยชา ไม่ยินดียินร้าย
- ช่วยปรับสภาพผิวให้กับสตรีที่ตั้งครรภ์ ผิวตกกระ หรือมีรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของเกสรดอกไม้ นมผึ้ง และน้ำผึ้งจากแหล่งธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย
- เสริมสร้างให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอย่างสมดุล กระตุ้นการเติบโตของเนื้อเยื่อผิว
- ช่วยเสริมสร้างพลังงาน ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย รวมถึงระบบต่อมไร้ท่อ
- ลดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า คืนความชุ่มชื้นแก่ผิว ผิวพรรณจึงสดใส ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนั้นยังช่วยให้ผมที่หลุดร่วงง่ายกลับงอกใหม่มีชีวิตชีวา เนื่องจากมีส่วนผสมของซีสเตอีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญที่เป็น   ปัจจัยให้เส้นผมงอกงาม
- ลดการอักเสบอันเป็นสาเหตุของโรคไขข้อเสื่อม และการกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตชั้นนอกและการหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจนในลูกอัณฑะ
- มีฤทธิ์ในการบำบัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกัน และบำบัดอาการติดเชื้อจากไวรัส หรือแบคทีเรีย
- เพิ่มสมรรถภาพทางร่ายกายและจิตใจ ตลอดจนช่วยกระตุ้นกลไกภูมิคุ้มกันของร่างกาย และมีผลในการเป็นยาบำรุงอีกด้วย
- สารสกัดจากเกสรดอกไม้ ยังช่วยรักษาคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ในฮ่องกงจำนวน 88 ราย โดยการค้นคว้าและทดลองของ ดร. Stephen Mark Vendel ที่ประสบความสำเร็จในการรักษาคน   ไข้โดยการใช้สารสกัดจากเกสรดอกไม้ในปีค.ศ. 1975
- เห็นผลอย่างชัดเจนมาก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการปัสสาวะบ่อย และฝ้า

---สนใจสั่งซื้อ Bee Pollen Complex กดที่นี้---

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Vitamin E Cream บำรุงผิวพรรณ


วิตามินอี คืออะไร?

   วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (tocopherol) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับเป็นประจำทุกวัน มีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลือง และละลายได้ดีในไขมัน เช่นเดียวกับวิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินเค วิตามินอี มีหลายชนิด ได้แก่ แอลฟา เบตา แกมมา และซิกมา โทโคเฟอรอล โดยชนิดที่ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด คือ แอลฟาโทโคเฟอรอล (alpha-tocopherol)

  วิตามินอีกับผิวพรรณ

      สถาบันโรคผิวหนังหลายแห่งมีการวิจัยพบว่าวิตามินอีช่วยป้องกันผิวจากการไหม้ เกรียม ริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยแผลได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือการทาที่ผิวหนังโดยตรง เนื่องจากการเกิดแผลหรือการอักเสบบนผิวหนัง หรือการถูกแสงแดดเผาไหม้จะทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระขึ้น วิตามินอีจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำให้ เนื้อเยื่อต่างๆ เสียหาย จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยให้ทนต่อรังสี UV ในแสงแดดได้ดีขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตเครื่องสำอางจึงนิยมนำวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์

 ---สนใจสั่งซื้อ Vitamin E Cream กดที่นี้ครับ---

Lutein ลูทีน บำรุงสายตา


Lutein ลูทีนบำรุงสายตา

     เป็นสารอาหารธรรมชาติกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา โดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตา ร่างกายจำเป็นต้องได้รับลูทีนจากอาหาร โดยเฉพาะพืชผักสีเขียวเข้ม เช่นคะน้า ผักโขม ผักกาด ปวยเล้ง เป็นต้น
     ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม เสริมสร้างการมองเห็น ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม ช่วยแก้ในกรณีผู้มีปัญหาเรื่องสายตา และ ปัญหาโรคเกี่ยวกับตา ใช้ร่วมกับ Bilberry เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีขึ้นเป็นสารสกัดจากดอกดาวเรืองประกอบ ด้วยสารลูทีนและ ซีแซนทีน ซึ่งช่วยปกป้องดวงตามิให้ถูกทำลายจากแสงแดด
     พบว่าการรับประทานลูทีนทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50%


ประโยชน์ของ Lutein


1. ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม
2. เพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดใหญ่ และเส้นเลือดฝอย
3. ช่วยเสริมสร้างการมองเห็นโดยช่วยป้องกันการเสื่อมของจุดเล็กๆตรงกลางของที่รับแสง
    ในตา(เรตินา) อันเป็นส่วนสำคัญของ Main Pigment (สี) ในฉากรับแสงของตา
    จะช่วยป้องกันมิให้แสงอาทิตย์ทำลายเรตินา
4. ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม หรือจอประสาทตามเสื่อม
5. ช่วยป้องกันและลดอาการของโรคต้อกระจก
6. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำลายเซลล์ตาทำให้เซลล์แข็งแรง ช่วยชะลอความเสื่อมของตา
7. ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือดและเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา
8. เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
9.ใช้ร่วมกับ Bilberry เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้ดีขึ้น

Green Source แหล่งรวมผักนานาชนิด


Green Source แหล่งรวมผักนานาชนิด

แหล่งรวมสารอาหารมากมาย พืช ผัก วิตามิน โปรตีน ธาตุเหล็กและอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายครับ




---สนใจสั่งซื้อ Green Source กดที่นี้ครับ---

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Bilberry บิลเบอร์รี่ บำรุงสายตา



บิลเบอร์รี่ (Bilberry)

   เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโธไชยานินประกอบอยู่เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีสีแดงอมม่วงช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น สารชนิดนี้ช่วยเอนไซม์ต่างๆ ให้ทำงานในกระบวนการเมตาบอลิซึ่งของเซลล์เรตินา สารแอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ไปใช้ในการรักษาโรคเพื่อช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง สร้างคอลลาเจนช่วยในการทำงานของสมองดีขึ้น และทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิ แดนท์ที่ป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน สารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย สารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่ง คือ ไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคที่เรีย สารแอนโธไซยาโนไซด์มีคุณสมบัติที่เทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของ Bilberry

- เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นในที่มืด ช่วยลดระยะเวลาในการ ปรับแสงจากสว่างไปสู่ที่มืดหรือที่มีแสงสลัวได้เร็วขึ้น เนื่องจาก VMA ช่วยคืนสภาพของสารโรดอพซิน (Rhodopsin) ในดวงตาหลังจากถูกแสงได้เร็วขึ้น
- การมองเห็นภาพคมชัดขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของเอนไซม์หลายตัวที่อยู่ภายในจอประสาทตา (Retina) ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
- ลดความเสี่ยงของการตาบอด ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่ต้อง เผชิญกับแสงสว่างจ้ามากๆ หรือแสงแฟลช ซึ่งสามารถทำลายจอประสาทตาจนอาจทำให้ตาบอดได้
- ปกป้องโครงสร้างของผนังเส้นเลือดฝอย ช่วยเพิ่มแรงต้าน และเพิ่มการขยายตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น มีผลในการช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ไม่เปราะหรือฉีกขาดง่าย ดังนั้น จึงมีผลดีต่อเนื้อเยื่อที่มีเส้นเลือดฝอยหล่อเลี้ยงจำนวนมาก เช่น จอประสาทตา (Retina) ระบบหลอดเลือดดำและไต เป็นต้น
อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง หรือใช้ สายตามากเป็นพิเศษ เช่น นักบิน นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ และผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผลมาจากการที่บิลเบอร์รี่
สามารถช่วยคงระดับสารโรดอพซินในดวงตา ที่อาจลดลงในช่วงที่มีการใช้ สายตาเป็นเวลานาน

ประโยชน์อื่นๆ

- ป้องกันต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ลดแรงดันในลูกตาลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา
- ป้องกันโรคเบาหวาน, โรคไทฟอยด์, นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ, โรคความดันโลหิตสูง และระบบหายใจผิดปกติ
- ป้องกันเส้นเลือดขอด ลดการบวม เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเอ็น และกระดูกอ่อน
- แก้การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ โรคเริม ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร แผลในปาก
- เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยลดเกล็ดเลือด (Blood platelet) ต่อต้านโธไซยาโนไซเดอร์

   ได้มีการพิสูจน์ทางคลินิคแล้วว่า สารแอนโธไซยานิดิน ที่มีอยู่ในบิลเบอรี่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังหลอดเลือดที่ดวงตา โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการตาบอดกลางคืน สายตาสั้น และดวงตาอ่อนล้าอันเนื่องมาจากการใช้งานมากเกินควร
บิลเบอร์รี่ อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง หรือใช้ สายตามากเป็นพิเศษ เช่น นักบิน นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ และผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นผลมาจากการที่บิลเบอร์รี่
สามารถช่วยคงระดับสารโรดอพซินในดวงตา ที่อาจลดลงในช่วงที่มีการใช้ สายตาเป็นเวลานาน

   สายตาดีได้ด้วยบิลเบอรี่ สำหรับผู้ที่ใช้สายตามากเป็นพิเศษ อยู่หน้าจอคอมฯ ขับรถตอนกลางคืน สายตาดีได้ด้วยบิลเบอรี่
[สำหรับผู้ใช้สายตามากเป็นพิเศษ หน้าคอมพิวเตอร์ ขับรถตอนกลางคืน


---สนใจสั่งซื้อ Bilberry กดที่นี้ครับ---

Flax Oil เมล็ดของต้นปอป่าน บำรุงสมองและอีกมากมาย


Flax Oil (Flaxseed Oil)

  Flaxseed oil ได้มาจากเมล็ดของต้นปอป่าน ซึ่งเต็มไปด้วยกรดแอลฟา-ไลโนลีนิก หรือเอแอลเอ (alpha-linolenic acid (ALA)) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่จัดอยู่ในกลุ่มกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเอแอลเอจะพบมากใน flaxseed oil และน้ำมันที่ได้จากพืชชนิดต่างๆ
   ในสภาวะปกติจะมีสมดุลที่เหมาะสมระหว่างโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในอาหาร เนื่องจากทั้งสองสารจะทำงานไปด้วยกันเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ปกติ โดยกรดไขมันโอเมก้า-3 จะมีหน้าที่หนักคือช่วยลดอาการอักเสบ และกรดไขมันโอเมก้า-6 จะทำให้เกิดการอักเสบ หากมีความไม่สมดุลระหว่างกรดไขมันจำเป็นทั้ง 2 ชนิด จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้นมา
   นอกจากนี้กรดไขมันโอเมก้า-3 ยังสามารถยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด และ ลดการทำลายเซลล์จากการอักเสบที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อระบบเลือด เช่น ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ ลดการอุดตันในหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ลดการเกิดข้ออักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้ได้ และ flaxseed ยังอุดมไปด้วยสารที่มีชื่อว่า ลิกแนน (lignans) ซึ่งมีมากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 75 เท่า โดยลิกแนนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย เช่น คุณสมบัติในการต้านมะเร็ง โดยได้มีการทดสอบในสัตว์ทดลองที่เป็นเนื้องอกในเต้านม ซึ่งกิน flaxseed พบว่าภายใน 7 สัปดาห์ เนื้องอกได้ฝ่อลง
   สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งของ flaxseed คือ อุดมไปด้วยกากใยอาหาร (fiber) ซึ่งช่วยขจัดสารพิษต่างๆ ที่อยู่ภายในลำไส้ และทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ซึ่งส่วนที่เป็นกากใยอาหารนี้ จะพบในเมล็ด flaxseed แต่ไม่พบใน flaxseed oil ชนิดแคปซูลที่ขายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
   แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและปฏิกิริยากับยาได้หลายชนิด ดังนั้นการตัดสินใจเลือกใช้ ควรได้รับข้อมูลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่พิจารณาร่วมกับโรคประจำตัวที่ผู้ ป่วยเป็น และยา สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นที่ผู้ป่วยใช้อยู่เป็นประจำด้วย

---สนใจสั่งซื้อ Flax Oil กดที่นี้ครับ---

Neuro PS บำรุงสมอง ช่วยในเรื่องความจำ


Neuro PS บำรุงสมอง ความจำ

Neuro-Optimizer® is nutrition for the brain, combining CDP Choline (cytidine 5’-diphosphocholine, also known as Citicoline), Phosphatidylserine, Alpha Lipoic Acid, Acetyl L-Carnitine, L-Glutamine and Taurine to enhance brain metabolism and antioxidant protection safely and naturally, but without the use of stimulants.

Citicoline (CDP-Choline) is an essential intermediate in the synthesis of phosphatidylcholine, a major constituent of the gray matter of brain tissue (30%). Citicoline promotes brain metabolism by enhancing the synthesis of acetylcholine and restoring phospholipid content in the brain.

PS (Phosphatidylserine) supports the brain’s proper response to stress and promotes neuronal communication. The antioxidants Acetyl L-Carnitine, Alpha Lipoic Acid and Taurine provide protection for the neurons from damage caused by certain free radicals. Acetyl L-Carnitine, Alpha Lipoic Acid and L-Glutamine also support energy utilization. Taurine also aids in osmoregulation (maintenance of proper concentrations of ions) inside the cell.
DHA ช่วยทำให้สารสื่อประสาทจับกับตัวรับสารสื่อประสาทได้ดีขึ้น ทำให้การส่งผ่านข้อมูลประสาทมีประสิทธิภาพ

ทั้ง DHA ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทระหว่างเซลล์ประสาทของราก เพื่อนำข้อมูลเก็บไว้ในสมองและดุงข้อมูลออกมาใช้
ซึ่งเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้และความจำในระยะยาว DHA

Lecithin เลซิติน ควบคุมคอเลสเตอรอล หัวใจตีบ หลอดเลือดอุดตัน ประโยชน์อีกมากมาย


    
Lecithin เลซิติน 

    เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ พบได้ทั้งในพืชและสัตว์ เลซิตินเป็นสารประเภทไขมันที่มีอยู่ในรูปของสารประกอบฟอสโฟไลปีด (Phospholipid) ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมัน 2 โมเลกุล รวมตัวกับ ฟอสเฟต และโคลีน ซึ่งเป็นวิตามินในกลุ่มเดียวกับวิตามินบี เลซิตินจึงมีชื่อทางเคมีว่า ฟอสฟาทิดิล โคลีน (Phosphatidyl Choline) เลซิตินสามารถพบได้ในส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และยังพบมากในสมอง ตับ หัวใจ เยื่อหุ้ม ปอด เยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อเซลล์ประสาท

ประโยชน์ของเลซิติน


- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลได้ เลซิตินทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายไขมันในเส้นเลือดทำให้ไขมันแตกตัวเป็นอนุภาพเล็กและไหลเวียนไปกับกระแสเลือด ป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือด หัวใจตีบ หรืออุดตัน
- ช่วยเสริมสร้างความจำ เลซิตินเป็นสารที่จำเป็นต่อการสร้างโคลีน ซึ่งโคลีนนี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของสารสื่อประสาท ที่เรียกว่า อะเซทธิลโคลีน สารสื่อนำประสาทนี้เมื่อเพิ่มขึ้น จะมีผลในการเสริมสร้างความจำ และลดอาการ หลงลืมในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้มีระดับ โคลีน ในร่างการต่ำ จะทำให้เกิด อาการซึมเศร้า จิตใจหดหู่ หลงลืมและไม่มีสมาธิ และโคลีน ยังช่วยในการปล่อย ฮอร์โมน วาโสเพรสซิน (Vasopressin) ซึ่งจำเป็นต่อการเรียนรู้และความจำ การควบคุมปริมาณของปัสสาวะ และควบคุมความดันโลหิต
- ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ส่งเสริมการทำงานของเซลล์ให้มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ ตับ ไต และต่อมไร้ท่อ ตลอดจนการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
- ป้องกัน นิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของโคเลสเตอรอลในถุงน้ำดี
- ช่วยในการดูดซึมวิตามินบีหนึ่งเพิ่มขึ้นในตับละเพิ่มการดูดซึมวิตามินเอในลำไส้
- ป้องกันมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่
- ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนของผู้หญิงให้สมดุล ทำให้สุขภาพร่างกาย และผิวพรรณให้ดูดีและแข็งแรง

Hoodia Goronii สารสกัดจากพืชทะเลทราย ช่วยให้ไม่อยากอาหาร ลดความอ้วน


Hoodia Goronii สารสกัดจากพืชทะเลทราย ช่วยให้ไม่อยากอาหาร

- ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก
- สารสกัดมาจากพืชทะเลทราย
- มีส่วนช่วยให้ลดความอยากอาหาร ช่วยให้รู้สึกอิ่ม

   Hoodia Gordonii ถูกค้นพบและถูกใช้โดยชาวแอฟริกัน (เผ่าแซน) จากทะเลทรายคาลาฮาริมากว่าพันปี พวกเขาจะเคี้ยวทานต้น Hoodia สด ๆ สองครั้งต่อวัน เพื่อลดอาการหิว และกระหายน้ำ ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังล่าสัตว์ ต้น Hoodia นี้ ประกอบไปด้วยโมเลกุล p57 ทำหน้าที่เป็นกลูโคสในสมอง กลูโคสที่อยู่ในกระแสเลือดที่เป็นตัวทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น (ไม่มีผลต่อโรคเบาหวานหรือน้ำตาลในเลือดสูงแต่อย่างใด) ซึ่งเมื่อทานไปแล้วจะเป็นตัวควบคุมไม่ให้ร่างกายเกิดความหิว และทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบัน Hoodia Gordonii ถูกนำมาใช้รักษาโรคอ้วน รวมทั้งรักษาความเครียดที่มักจะเกิดขึ้นในคนอ้วน ในวงการแพทย์มาหลายปีแล้ว และผู้ผลิตยาเสริมอาหารส่วนใหญ่ได้นำ Hoodia Gordonii มาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักแล้วส่งขายหลากหลายยี่ห้อทั่วโลก ซึ่งลูกค้าทั่วไปต่างก็พอใจกับผลที่ได้รับจากการรับประทานผลิตภัณฑ์ลด น้ำหนักที่สกัดจาก Hoodia Gordonii

   Hoodia Gordonii ที่มีอายุในช่วง 5 -7 ปี จะมีความสมบูรณ์มากที่สุด และมีประสิทธิภาพในการระงับความรู้สึกหิวได้ดี
บริษัทอื่นๆที่ขาย Hoodia จะได้มาจากจีน, เม็กซิโก และเท็กซัส ซึ่งพบว่าไม่มีส่วนของ active ingredient เช่นเดียวกับที่พบในประเทศแอฟริกาใต้
75% ของ Hoodia ที่วางขายตามท้องตลาด มีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับที่มีใน Hoodia Vitamin world


---สนใจสั่งซื้อ Hoodia กดที่นี้ครับ---

Joint Soother(Glucosamine Chondroitin MSM) บำรุงน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ ข้อเข่าเสื่อม



Joint Soother บำรุงน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ
มีส่วนประกอบ 3 ตัวดังนี้
    1.Glucosamine sulfate
    2.Chondroitin Sulfate
    3.MSM

ประโยชน์ของ กลูโคซามีน ซัลเฟต (Glucosamine sulfate) กับ โรคข้อเสื่อม (osteoarthristis)

   ร่างกายสามารถสังเคราะห์กลูโคซามีนซัลเฟต ได้เองตามธรรมชาติ แต่เป็นปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการของร่างกาย ร่างกายใช้กลูโคซามีน ซัลเฟต ในการสร้างกระดูกอ่อน และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของไขข้อ หรือ สารเหลวที่หล่อลื่นบริเวณข้อต่อต่างๆ ทำให้ของเหลวนั้นมีความเหนียวขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย จาก การศึกษาพบว่า อาหารเสริมกลูโคซามีน ซัลเฟต สามารถช่วยซ่อมแซมไขข้อ และกระดูกอ่อน บรรเทาอาการเอ็นยึด เอ็นเคล็ด และอาการกระดูกสันหลังเคลื่อน (prolapsed spinal discs) ซึ่งผลการวิจัยพบว่าอาการของผู้ป่วยดีขึ้นถึงร้อยละ 73 และหากรับประทานกลูโคซามีนซัลเฟต ผสมกับคอนดรอยติน (Chondroitin) จะทำให้ได้ผลดีขึ้น โดยคอนดรอยติน เป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อต้องการซ่อมแซมกระดูกอ่อน  กลูโคซามีนซัลเฟต มีประโยชน์มากเมื่อใช้ในรายที่มีอาการปวดหลัง ข้ออักเสบ หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 500-1,000 มก. วันละ 3 ครั้ง ในระหว่างมื้ออาหาร

   โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เป็น ภาวะเสื่อมที่มีผลต่อข้อและเนื้อเยื่อของข้อ  มีอาการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อมีการใช้งานของอวัยวะส่วนนั้น ต่อมามีอาการข้อบวม ฯลฯ  เมื่ออาการมากในขั้นท้ายๆ ข้อจะมีลักษณะผิดรูปผิดร่าง  นอกจากการรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดหรือการอักเสบเพื่อป้องกันการ ลุกลามของโรคแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่น่าจะเป็นประโยชน์

กลูโคซามีนซัลเฟต (Glucosamine sulfate)เป็นสารประกอบที่พบในรูปแบบของยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยทั่วไปมักรับประทานในขนาดวันละ 1500 มิลลิกรัม

   การศึกษาในหลอดทดลองจากการศึกษาในหลอดทดลอง พบว่ากลูโคซามีนซัลเฟตมีผลกระตุ้นการสังเคราะห์และยับยั้งการสลายตัวของโป รติโอไกลแคน (Proteoglycans) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่กันการกระแทกระหว่างกระดูก ข้อ นอกจากนี้กลูโคซามีนยังแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างอ่อนๆด้วย


ประโยชน์ของ Chondroitin Sulfate

   มีประโยชน์ในการบรรเทาอาการปวดเนื่องจากข้อกระดูกอักเสบ (osteoarthritis / OA) โดยเฉพาะในบริเวณหัวเข่า โดยมีการทดลองกับกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกข้อเข่าจำนวน 622 คน พบว่ากลุ่มที่ได้รับ Chondroitin Sulfate สามารถลดการสึกหรอของกระดูกอ่อนของข้อได้ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ประโยชน์ของ MSM

   เป็นทั้ง anti-aging antioxidant ช่วยให้ผมยาวเร็ว  สุขภาพดี เล็บแข็งแรง ผิวนุ่ม ผิวแน่น ผิวกระจ่างใส ลด hyperpigmentation กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยdetox ช่วยลดความอ้วน ช่วยทำให้ฮอร์โมนสมดุล เสริมภูมิคุ้มกัน และอื่นๆอีกมากมาย

   ข้อต่อ สารคอรโดรอิทินพบในกระดูกอ่อนบริเวณรอบข้อต่อกระดูกทั่วร่างกาย ช่วยดึงเอาน้ำเข้าสู่เซลล์ในข้อ ทำให้ข้อต่อมีสารช่วยหล่อลื่น กระดูกเคลื่อนที่และเสียดสีกันได้โดยไม่ฝืด และมันทำงานร่วมกับสารกลูโคซามีน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและสารประกอบย่อยอื่นๆ ที่รวมกันเป็นกระดูกอ่อน ผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่าเมื่อให้ผลิตภัณฑ์เสริมคอนโดรอิทินซัลเฟตแก่ผู้ป่วย ข้ออักเสษ อาการปวดจะค่อยๆบรรเทาและข้อเคลื่อนไหลได้ดีขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการดผลิตกระดูกอ่อนชิ้นใหม่ๆ

---สนใจสั่งซื้อ Joint Soother 240 เม็ดกดที่นี้ครับ---

---สนใจสั่งซื้อ Joint Soother 480 เม็ดกดที่นี้ครับ---

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Echinacea เอคินาเชีย เพิ่มภูมิต้านทาน

Echinacea (เอคินาเชีย)

    เป็นไม้ประดับ มีดอกสีม่วงอมแดง สวยงามมาก มีสรรพคุณ เป็น สมุนไพร รักษาโรคในอเมริกา และยุโรปมานานนับ เกิน ศตวรรษ ในเยอรมัน เป็นสมุนไพรหลักทีนำมาใช้บำบัดการติดเชื้อน้อยๆในระบบทางเดินหายใจ

    การทำงานของ เอคินาเชีย พบว่ามีสาร Phytochemical และ กรดไขมัน อิสรระอีก หลายชนิด ที่มีประโยชน์ โดยช่วยกระตุ้นการทำงานในระบบของภูมิต้านทาน โดยเพิ่มการผลิต แอนตี้บอดี้ และเพิ่มกิจกรรมเม็ดเลือดขาวให้ต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งเม็ดเลือดขาวเหล่านี้ ประกอบด้วย เซลล์ ลิมโฟไซต์ ( ทำหน้าที่ต่อเชื้อไวรัส ) และเซลล์นักฆ่า ( โจมตีเนื้องอก ) และเซลล์แมคโครฟาจ ( กลืนกินแคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค ) ยังมีรายงานว่าดีในเชื้อราด้วย มีคนใช้ในโรคเชื้อราในช่องคลอดก็ยังมี แต่ที่ใช้มากที่สุดคือทางด้านผลดีต่อเชื้อหวัด และแพทย์ที่นั่นนำมาใช้ในโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคหลอดลมอักเสบ ติดเชื้อรา โดยให้เสริมกับยาปัจจุบัน บ้างไม่เสริมบ้างแล้วแต่ความรุนแรงในแต่ละกรณี และทำให้โรคเหล่านี้ดีขึ้น ปัจจุบันในต่างประเทศ เอคินาเชีย ได้มีใส่ในขนม ลูกอม น้ำหวาน และถ้าปริมาณเข้มข้นมากๆจะถูกจัดเป็นยา มีทำในรูปเป็นหยดน้ำให้เติมในน้ำผลไม้และทานเป็นยาก็มี และใช้กันทั่วไปได้ทั้งในหมู่เด็ก และผู้ใหญ่

คุณสมบัติและประโยชน์

    สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เดิมใช้เพื่อบรรเทาอาการอ่อนบนติดเชื้อทางเดินหายใจเช่นหวัดและไข้หวัดใหญ่ อาจร่นระยะเวลาและลดความรุนแรงของอาการเย็น อาจช่วยลดการเกิดหวัด เสริมปริมาณต่ำสำหรับใช้ในระยะยาว


ข้อควรระวัง หรือข้อห้าม

    ข้อห้ามคือคนที่แพ้มัน เช่นทานแล้วคัน คลื่นไส้ ทำนองนี้ ข้อควรระวังไม่ควรทานในคนท้อง ซึ่งยา หรือสมุนไพร ทุกอย่างก็ไม่ควรทานในคนท้องอยู่แล้ว และไม่ควรทานในโรคเอดส์ และวัณโรค และโรค มัลติเปิ้ลเสครอโรสิส ( multiple sclerosis เป็นโรคทางระบบประสาทเช่นมี อัมพาต ตาบอด หายากมาก ๆครับ )


---สนใจสั่งซื้อ Echinacea กดที่นี้ครับ---

SOD Superoxide Dismutase บำรุงผิว ต้านมะเร็ง อีกมากมาย


SOD (Superoxide Dismutase)

เสริมการสร้างกลูต้าไธโอนในร่างกายทำให้ขาวได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
แนะนำทานควบคู่ กลูต้าไธโอน หรือ ทานควบคู่ NAC คะเพื่อเร่งให้ผิวขาวขึ้น

SOD มีประโยชน์และสำคัญอย่างไร?

    ปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม และชะลอการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนทางผิวหนัง เสริมสร้างให้ผิวมีความ ยืดหยุ่น ไม่แห้งขจัดริ้วรอยด่างดำ สิว กระ ฝ้า อาการคันที่ผิวหนัง และการสูญเสีย คอลลาเจน
สมานผิวจากการเป็นแผล ริ้วรอยที่เกิดจากสิวเสี้ยน ลดรอยแผลเป็นให้จางลง
เสริมสุขภาพ บำรุง และเสริมความสมดุลของร่างกาย ชะลอการแก่ก่อนวัย

ประสิทธิภาพ

    ขจัดอนุมูลอิสระในเลือด ปกป้องคลอลาเจน คงความชุ่มชื้นแก่ผิว
ชะลอการเปลี่ยนแปลงโปรตีนทางผิว คงความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

ประโยชน์ด้านความงาม

    ปรับสภาพผิวให้ขาวนวลเนียน สว่าง กระจ่าง สดใส ไร้กระ,ฝ้า,จุดด่างดำ ลดริ้วรอยแผลเป็นให้จางลง

ประโยชน์ด้านการเสริมสุขภาพ

    มีสารต้านมะเร็งสูง ทำให้ช่วยป้องกันและต่อต้านโรคมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอล ช่วยในเรื่องระบบการไหลเวียนของโลหิต ระบบการย่อยอาหาร ลดความดัน รวมทั้งช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ชะรอความเสื่อมสภาพของการทำงานของอวัยวะ ความชรา

---สนใจสั่งซื้อ SOD กดที่นี้ครับ---

L-Arginine L-Lysine L-Ornithine กรดอะมิโน จำเป็นสำหรับร่างกาย


ประโยชน์ของ L-Arginine (แอล-อาร์จินีน)

  เป็นกรดอมิโนที่จำเป็นชนิดหนึ่ง ที่มีการค้นคว้าวิจัยอย่างมากในสามสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นในเรื่องสุขภาพทางเพศทั้งในชายและหญิง L-Arginine หากมีปริมาณต่ำจะทำให้ประสิทธิภาพทางเพศและความต้องการทางเพศลดลง L-Arginine ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตเข้าสู่ระบบและปรับปรุงความไวต่อความรู้สึกของ เซลล์ ซึ่งนำมาซึ่งความรู้สึกที่ดี นอกจากนั้นยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้น Human Growth Hormone (HGH) ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า L-Arginine ช่วยเพิ่มโกรทฮอร์โมนได้ถึง 300 %

- กระตุ้นการหลั่ง Human Growth Hormone (HGH) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของร่างกาย(ซึ่งร่างกายก็ จะได้ประโยชน์จากโกรทฮอร์โมนอีกหลายอย่างเช่น ช่วยให้มีพลังงานตลอดวัน ดูหนุ่มดูสาว สดชื่น แข็งแรง)
- เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนต่างๆอีกหลายชนิด
- ลดและควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ
- ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยเยียวยา รักษาเนื้อเยื่ออ่อน ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น
- กล้ามเนื้อแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
- เป็นสารตั้งต้น ในการสร้าง Nitric Oxide ซึ่งจะช่วยเรื่องการไหลเวียนและการสูบฉีดโลหิตของร่างกายโดยการเพิ่มการขยาย ตัวของหลอดเลือด และกล้ามเนื้อจะรับสารอาหารและออกซิเจนได้มากขึ้น
- ช่วยเพิ่มความรู้สึกทางเพศที่ดี เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย เพิ่มจำนวนเชื้ออสุจิ ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับคู่รัก


ประโยชน์ L-Lysine (
แอล-ไลซีน)
  
   เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ต้องทานอาหารเข้าไปเสริมทดแทน พบในอาหารจำพวกถั่ว, เนื้อหมู, เนื้อปลา, เนื้อสัตว์ปีก, นม ใช้เสริมให้กับผู้ป่วยโรคหวัดและเสริมเพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกายให้หายเร็วขึ้น  

- จำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างโปรตีน
- เสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกและร่างกาย, ช่วยการดูดซึมแคลเซียม
- ควบคุมระดับไนโตรเจนให้สมดุล
- เสริมสร้างการผลิตแอนตี้บอดี้ฮอร์โมน, เอ็นไซม์, คอลลาเจน, การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในกระแสเลือด


ประโยชน์ของ Ornithine (แอล-ออร์นิทีน)

- แอล-ออร์นิทีน  คือกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กำจัดของเสียสารพิษออกจากตับ เป็นแหล่งพลังงานสำรองของทุกเซลล์ในร่างกายส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
- รวมทั้งซ่อมแซมส่วนสึกหรอ
- แหล่งอาหารที่พบ แอล-ออร์นิทีน ได้แก่เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์ นม ไข่

---สนใจสั่งซื้อ Tri-Amino กดที่นี้ครับ---

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Vitamin E วิตามินอี มีประโยน์อย่างไรบ้าง

วิตามินอี (Vitamin E)

      วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายคนเราอย่างยิ่ง ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้

      ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์รวบรวมวิตามินได้ประมาณ 13 ชนิด หนึ่งในนั้นได้แก่ วิตามินอี ที่เรามักได้ยินกิตติศัพท์ร่ำลือในด้านการป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ชรา ดังนั้นนอกจากในอาหารแล้ว ยังพบว่ามีการสกัดวิตามินอีมาผสมในเครื่องสำอางหลายชนิด คราวนี้จึงขอพาคุณทำความรู้จักกับวิตามินอี และประโยชน์ต่อร่างกายคนเราให้มากขึ้น

วิตามินอี คืออะไร?


   วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (tocopherol) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับเป็นประจำทุกวัน มีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลือง และละลายได้ดีในไขมัน เช่นเดียวกับวิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินเค วิตามินอี มีหลายชนิด ได้แก่ แอลฟา เบตา แกมมา และซิกมา โทโคเฟอรอล โดยชนิดที่ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด คือ แอลฟาโทโคเฟอรอล (alpha-tocopherol)

ประโยชน์ของวิตามินอีต่อร่างกาย

      เนื่องจากผนังของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายมีไขมันที่ไม่อิ่มตัวเป็นโครงสร้างหลัก โครงสร้างที่ว่านี้จะถูก ทำลายได้ง่ายด้วยกระบวนการออกซิเดชัน (oxidation) และส่งผลให้เกิดสารอนุมูลอิสระ (free radicals) ชนิดต่างๆ ตามมา ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างภายในเซลล์ที่สัมผัสกับสารอนุมูลอิสระ วิตามินอี เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ (potent antioxidant) ซึ่งมีผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ หรือลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ยังมีผลช่วยปกป้องการเสื่อมสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ (stabilize) ที่บุอยู่ตามอวัยวะต่างๆ เช่น ผิวหนัง ตา ตับ เต้านม หลอดเลือด และเม็ดเลือดแดง ทำให้อวัยวะดังกล่าวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความคงทนมากขึ้นด้วย

วิตามินอีกับโรคมะเร็ง

      คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินอี นอกจากจะช่วยป้องกันเซลล์จากการทำลายของปฏิกิริยาออกซิเดชันและการเกิดอนุมูลอิสระแล้ว วิตามินอียังช่วยป้องกันการเกิดสารไนโตรซามีน (nitrosamines) ตัวการหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โดยเกิดจากการทำปฏิกิริยาของสารจำพวกไนไตรท์ที่มีในอาหารที่รับประทานเข้าไปภายในกระเพาะอาหาร และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าวิตามินอียังมีผลช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งได้

วิตามินอีกับการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง

      กระบวนการออกซิเดชันของไขมันชนิด LDL (low density lipoprotein) ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลวในเลือดจะ มีผลทำให้เส้นเลือดเกิดความเสียหายอย่างมาก มีหลักฐานที่แสดงว่าวิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดกระบวนการที่ว่านี้ และช่วยลดการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด (platelet aggregation) ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น และยังช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงหลอดเลือดสมองด้วย โดยได้มีการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่าคนที่ได้รับวิตามินอีอย่างน้อยวันละ 100 IU หลังการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจจะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันที่ผนังเลือดได้ และคนที่ได้รับวิตามินอีประมาณวันละ 400-800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยปีครึ่งจะช่วยป้องกันอัตราการเกิดโรคหัวใจวายได้ถึง 77%

  วิตามินอีกับโรคเบาหวาน

      เชื่อกันว่าสาเหตุที่คนเป็นโรคเบาหวานจะมีการสะสมของสารอนุมูลอิสระเนื่องจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกายผิดปกติ นอกจากนี้แล้วยังมีอัตราการตายจากการเกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้สูง มีงานวิจัยที่แสดงว่าคนเป็นโรคเบาหวานที่รับประทานวิตามินอีเพียงวันละ 100 IU จะช่วยทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ดี และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดอีกด้วย

  วิตามินอีกับโรคต้อกระจก

      โรคต้อกระจก (cataracts) เป็นความผิดปกติของเลนส์ตาทำให้มองภาพไม่ชัดเจน และอาจตาบอดได้ โดยเชื่อว่าเกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ผิดปกติของโปรตีนในเลนส์ตา มีการศึกษาพบว่าสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจำพวกวิตามินอีสามารถช่วยป้องกัน และชะลอการเกิดของโรคต้อกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่พบว่าสารในกลุ่มนี้ไม่ช่วยให้เกิดผลดีได้ในคนที่สูบบุหรี่ โดยพบว่าการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเกิดโรคต้อกระจก อย่างไรก็ดีจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกของสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอีเกี่ยวกับโรคต้อกระจก

  วิตามินอี สารอาหารที่ช่วยชะลอความแก่

      สารอนุมูลอิสระจะมีผลทำให้เซลล์เกิดความเสียหายและตายได้ในที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นสาเหตุทำให้ ร่างกายอ่อนแอและแก่เร็วกว่าปกติแล้ว หากเกิดที่สมองก็จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคเรื้อรังทางสมองต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม (Alzheimer’s disease) โรคพาร์คินสัน (Parkinson’s disease) เป็นต้น จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินอี 1,300 IU ต่อวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีจะช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมจากการอุดตันของเส้นเลือดในสมองได้

  วิตามินอีช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของระบบสืบพันธุ์

      มีการศึกษาพบว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับวิตามินอีวันละ 800 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการต่างๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า ซึมเศร้า และเจ็บหน้าอกได้ นอกจากนี้ในผู้ชายที่มีระบบสืบพันธุ์ไม่สมบูรณ์ พบว่าเมื่อได้รับวิตามินอี วันละ 200 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน จะมีโอกาสมีบุตรสูงขึ้น เนื่องจากวิตามินอีช่วยลดระดับของอนุมูลอิสระในน้ำอสุจิ จึงทำให้ผนังเซลล์อสุจิแข็งแรงขึ้น และส่งผลให้มีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นถึง 30% แต่ก็อาจไม่ปรากฏผลหากคนนั้นเป็นคนสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายความแข็งแรงของอสุจิ และอาจทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเสื่อมโทรมลง

  วิตามินอีกับผิวพรรณ

      สถาบันโรคผิวหนังหลายแห่งมีการวิจัยพบว่าวิตามินอีช่วยป้องกันผิวจากการไหม้เกรียม ริ้วรอยเหี่ยวย่นและรอยแผลได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือการทาที่ผิวหนังโดยตรง เนื่องจากการเกิดแผลหรือการอักเสบบนผิวหนัง หรือการถูกแสงแดดเผาไหม้จะทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระขึ้น วิตามินอีจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ เสียหาย จึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยให้ทนต่อรังสี UV ในแสงแดดได้ดีขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตเครื่องสำอางจึงนิยมนำวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์

---สนใจสั่งซื้อวิตามินอีกดที่นี้ครับ---

วิตามินอีหลายชนิด

กรดอัลฟาไลโปอิค (Alpha Lipoic Acid) ลดสิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ และอีกมากมาย



กรดอัลฟาไลโปอิค(Alpha Lipoic Acid)

หนึ่งในอาหารเสริมที่ช่วยทำให้สิวดีขึ้น สามารถลดการอักเสบและรอยแดงจากสิวต่อต้านอนุมูลอิสระ  เราจะเห็น Alpha lipoic acid ที่ขายกันในบ้านเราในรูปของอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องผิวพรรณ
กรดอัลฟาไลโปอิคใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อรักษาและป้องกันเชื้อโรคได้หลากหลาย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย และปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย อนุมูลอิสระเป็นตัวการสำคัญในการทำลายเซลล์ แหล่งที่มาทั่วไปของอนุมูลอิสระคือ อาหารทอด, ควันบุหรี่, ควันพิษ และมลภาวะต่าง ๆ

กรดอัลฟาไลโปอิคทำหน้าอะไร


หน้าที่หลักของกรดอัลฟาไลโปอิคคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกลูตาไธโอน ซึ่งมีหน้าที่ขจัดสารพิษในตับ กรดอัลฟาไลโปอิคนั้นดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ง่าย พบได้มากในผักและเนื้อสัตว์ เนื่องจากกรดอัลฟาไลโปอิคสามารถละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน สามารถไปเลี้ยงเซลล์ได้ทุกส่วน ความสามารถอันยอดเยี่ยมนี้ทำงานได้เองภายในเซลล์เพื่อช่วยกำจัดสารพิษที่อยู่ในร่างกาย และยังต่อต้านการอักเสบอันเป็นเหตุให้เกิดสิว ช่วยรักษาการอักเสบไม่ให้สิวนั้นอักเสบลุกลามมากไป

กรดอัลฟาไลโปอิคนั้นทำงานร่วมกับวิตามินบี ซี และอี และสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ๆ เพื่อให้เซลล์ร่างกายทำงานกันอย่างปกติ พึงระลึกไว้ว่าวิตามินเหล่านี้มีหน้าหลักในการต้านแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวและช่วยให้การรักษาสิวที่เกิดขึ้นเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น กรดอัลฟาไลโปอิคช่วยให้วิตามินเหล่านี้เกิดขึ้นใหม่ หรือหมุนเวียนกลับมาใหม่ ช่วยให้วิตามินเหล่านี้ทำงานได้มากขึ้น

กรดอัลฟาไลโปอิคทำความสะอาดและทำให้ผิวบริสุทธิ์ โดยการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงสามารถป้องกันการเกิดสิว และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของเลือดไปยังประสาท ดังนั้นผิวก็จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการบำรุง ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น

กรดอัลฟ่าไลโปอิคช่วยต้านการอักเสบระดับปานกลาง เนื่องจากมีปริมาณของ Sulfur เป็นองค์ประกอบด้วย จึงช่วยลดการบวมและอาการผิวแดงจากสิว กรดอัลฟ่าไลโปอิคนั้นถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมากตัวหนึ่ง เนื่องจากสามารถละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงสามารถดูดซึมได้ง่ายและสามารถเลี้ยงไปทั่วร่างกาย

ประโยชน์ของ ALA (Alpha Lipoic Acid)

- ต่อต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ได้ทั่วร่างกายและมีฤทธิ์แรงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ คือมีฤทธิ์แรงกว่า CoQ10 ถึง 4-5 เท่า และแรงกว่าวิตามินอี วิตามินซี 50 เท่า

- ช่วยทำให้สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆที่อยู่ในร่างกาย นำกลับมาใช้ใหม่ในร่างกายได้อีกครั้ง เช่น ทำให้กากของวิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ กลูตาไธโอน CoQ10 และอื่นๆ ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง

- ช่วยต่อต้านอนุมูอิสระในบริเวณสมองของเราได้ดีที่สุด ช่วยป้องกันโรคทางสมองต่างๆ

- ช่วยเพิ่มระดับสารกลูตาไธโอนในตับ จึงช่วยล้างพิษตกค้างในร่างกายออกไปได้อย่างรวดเร็ว และมีผลต่อการลดจุดด่างดำที่ผิวหนัง และชะลอความเสื่อมที่ผิวหนังได้ดีเยี่ยม

- กรดอัลฟ่าไลโปอิคนอกจากใช้รับประทาน ในต่างประเทศต่างนิยมนำมาผสมในครีมลดริ้วรอย เพราะมีคุณสมบัติชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ดีกว่าสารตัวอื่น มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดขนาดรูขุมขน ลดการทำลายจากรังสียูวีได้ดีเยี่ยม

- ช่วยลดริ้วรอยทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งมีการทดลองในกลุ่มตัวอย่างยืนยันว่า กรดอัลฟาไลโปอิกช่วยลดริ้วรอยตื้นๆได้มากกว่า 50% อีกทั้งยังทำให้แผลเป็นเนียนเรียบและหายเร็วขึ้น โดยมีการะคายเคืองน้อยกว่า กรดวิตามินเอ (Tretinoin) วิตามินซี และ AHA

แหล่งที่ได้

กรดอัลฟ่าไลโปอิคพบได้ในอาหารบางชนิด อาหารประเภทเนื้อวัวไม่ติดมันหรืออวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ, หัวใจ และไต พบว่ามีปริมาณของกรดอัลฟ่าไลโปอิค และยังพบได้ในผักขม, บล็อกโคลี่, ยีสต์ และมันฝรั่ง

---สนใจสั่งซื้อ Alpha Lipoic Acid กดที่นี้ครับ---

Selenium ซีลีเนียม ประโยชน์ที่มากคุณค่า

ซีลีเนียม (Selenium)

     ซีลีเนียมเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับวิตามินอี หากได้รับพร้อมกันจะมีประสิทธิภาพสูงในการขจัดอนุมูลอิสระ ซีลีเนียมจำเป็นสำหรับกระบวนการเมทาบอลิซึม ช่วยให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังพบในอสุจิ การขาดซีลีเนียมอาจทำให้เพศชายเป็นหมันได้

หน้าที่สำคัญของซีลีเนียม


     ซีลีเนียมช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่ต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส จึงช่วยป้องกันการเจ็บป่วย ซีลีเนียมจำเป็นสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทำให้สามารถต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้ดี
     ซีลีเนียมจำเป็นสำหรับการมองเห็นบำรุงสุขภาพผิวและผม ช่วยป้องกันรังแค ลดการอักแสบ และบรรเทาอาการต่างๆ ของสตรีวัยหมดประจำเดือน

ข้อมูลทั่วไป

- ซีลีเลียม เป็นเกลือแร่ส่วนน้อยที่สำคัญต่อร่างกาย ถึงแม้จะพบในร่างกายเพียงเล็กน้อยก็ตาม  ซีลีเนียม มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติหน้าที่ของวิตามินอี เกลือแร่ชนิดนี้มีจะถูกกระทบเทือน หรือถูกทำลายโดยความร้อน อาหารที่ปรุงแบบสลับซับซ้อนหรืออาหารแปรรูป เช่น พวกข้าวทำเป็นแป้งจะสูญเสีย ซีลีเนียม ไป 50-75% และถ้าต้มจะสูญเสียไปประมาณ 45 %


ประโยชน์ของซิลีเนียมในการรักษาโรค

- มะเร็ง มีรายงานว่าผู้ที่กินอาหารซึ่งมีซิลีเนียมสมบูรณ์เพียงพอ จะมีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งต่ำกว่ากลุ่มคนที่กินอาหารที่มีซิลีเนียมปริมาณต่ำ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาว่าการกินผลิตภัณฑ์เสริมซิลีเนียมนั้นช่วยลดโรคมะเร็งหลายชนิดได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งลำไส้ตรง

- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน การได้รับซิลีเนียมต่ำอาจทำให้ไวรัสธรรมดาในร่างกายออกกฤทธิ์เป็นเชื้อโรคได้ ผลิตภัณฑ์เสริมซิลีเนียมช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ร่างกายสามารถป้องกันโรคติดเชื้อได้ดีขึ้น

- รักษาสิว ร่างกายจำเป็นต้องใช้ซิลีเนียมในการผลิตเอนไซม์ชื่อ กลูทาไทโอน ในการศึกษาผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะสิวหนองกำเริบรุนแรงพร้อมกับการทำงานของเอนไซม์กลูตาไธโอนเพอร์ออกซิเดสอยู่ในระดับต่ำนั้น พบว่าเมื่อเสริมด้วยซิลีเนียม 200 มิลลิกรัม วิตามินดี 10 มิลลิกรัมร่วมกัน อาการกลับดีขึ้นใน 6-12 สัปดาห์

- สุขภาพหัวใจ ซิลีเนียมมีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยช่วยป้องกันอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลายผนังหลอดเลือดแดง และลดการสร้างก้อนไขมันซึ่งจะไปอุดตันที่ผนังหลอดเลือดแดง


แหล่งที่พบ

- อาหาร ที่มี ซีลีเนียม มากที่สุดได้แก่ บริวเวอร์ยีสต์ เครื่องใน กล้ามเนื้อสัตว์ ปลา หอย ข้าวต่างๆที่ยังไม่ขัดสี ซีเรียล และผลิตภัณฑ์ นม นอกจากนี้ได้จากกระเทียม เห็ด บรอคโคลี่ หัวหอม มะเขือเทศ สัตว์ปีก ไข่ และอาหารทะเลต่างๆ
- ปริมาณของ ซีลีเนียม ที่เราได้ จากพืชผักที่ขึ้นอยู่บนดินที่ปลูกถือว่าได้ ซีลีเนียม โดยตรง และจากสัตว์เนื่องจากพืชผักที่เราให้สัตว์กินซึ่งถือว่าได้ ซีลีเนียม ทางอ้อม และบางครั้งพบว่ามีปริมาณ ซีลีเนียม สูง แต่ถ้ามีกำมะถันปนลงไปในปุ๋ยหรือดินที่ปลูก กำมะถันจะกั้นการดูดซึมเกลือแร่ของพืชได้ด้วย เราจะได้ ซีลีเนียม น้อยหรือไม่ได้เลย

อาการขาดซีลีเนียม

- ติดเชื้อได้ง่าย
- ความดันโลหิตสูง
- ผิวหนังเหี่ยวย่นและมีจุด
- เป็นหมัน
- ต้อกระจก
- เป็นรังเค

---สนใจสั่งซื้อ Selenium กดที่นี้ครับ---

Grape seed Extract สารสกัดจากเมล็ดองุ่น


สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape seed Extract)

    สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (grape seed extract) เป็นสารสกัดที่อุดมไปด้วยพฤกษเคมีจากธรรมชาติที่เรียกว่า “โอลิโกเมอริก โปรแอนโทไซยานิดีน หรือโอพีซี (oligomeric proanthocyanidins: OPC)” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซี 20 เท่าและแรงกว่าวิตามินอี 50 เท่า ช่วยต่อต้านการทำลายเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวหนังที่เกิดจากอนุมูลอิสระ เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโครงสร้างหลักในผิว ทำหน้าที่ค้ำจุนและให้ความยืดหยุ่น หากถูกทำลายไปก็จะเกิดรอยเหี่ยวย่นที่มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนเซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้า (ชั้นนอกสุด) หากถูกทำลายจะปรากฏรอยแห้งกร้าน สารสกัดจากเมล็ดองุ่นจึงช่วยรักษาความกระชับ เต่งตึงของผิว ขณะเดียวกันก็ป้องกันริ้วรอยหยาบกร้านได้ นอกจากนี้ในผู้ที่มีปัญหาฝ้า หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ สารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะสามารถช่วยลดความเข้มของสีผิวบริเวณที่ดำคล้ำลง จึงทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส จึงทำให้เมล็ดองุ่นสกัดถูกนำมาประยุกต์ใช้ในวงการเครื่องสำอางค์เเละอาหารเสริม

สารสกัดจากเมล็ดองุ่นไม่เพียงแค่มีประสิทธิในการดูแลผิวพรรณของคุณเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่จะช่วยดูแลสุขภาพร่างกายของคุณด้วย เช่น ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดจึงช่วยป้องกันโรคหัวใจ บรรเทาอาการมือและเท้าชา รักษาเส้นเลือดขอด ชะลอความเสื่อมของโรคจอประสาทตาเสื่อมและโรคต้อกระจก

สามารถทำงานร่วมกับวิตามินซีในการทำให้คอลลาเจนทั่วร่างกายแข็งแรงขึ้น และยังช่วยป้องกันการสูญเสียวิตามินซีและอี

ประโยชน์ Grape seed

    สาร OPCs ที่พบได้ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้น มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยป้องกันโรคร้ายต่าง ๆและช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงขึ้น

    ปี 1995 ได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นต่อสุขภาพของดวงตา โดยทดลองกับอาสาสมัครที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบตลอดทั้งวันจำนวน 75 คน ซึ่งอาสาสมัครเหล่านั้นมีปัญหาเรื่องสายตา กล้ามเนื้อตาเกร็ง เมื่อให้อาสาสมัครรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 300 มิลลิกรัมต่อวัน ผลปรากฏว่าอาสาสมัครมีปัญหาเรื่องสายตาลดน้อยลง อาการปวดตาและกล้ามเนื้อตาเหนื่อยล้าก็หายไปด้วย แถมยังทำให้มีแววตาสดใสเป็นประกาย

    นอกจาก OPCs จะช่วยให้ดวงตามีสุขภาพดีแล้วยังนำมาใช้กับการรักษาโรค และอาการผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ เช่น ช่วยลดอาการอักเสบของแผลและผิวหนัง ช่วยป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด ป้องกันโรคมะเร็ง โรคไขข้อกระดูกอักเสบ ฯลฯ

เป็นสารซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง

    สารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีสารสำคัญคือ OPCs ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันการเสื่อมหรือถูกทำลายของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายจากอนุมูลอิสระ

ช่วย ในการเพิ่มการไหลเวียนโลหิตผ่านระบบหลอดเลือดฝอยไปทั่วร่างกายมากขึ้น ป้องกันอาการเส้นเลือดฝอยเปราะ และแตกง่าย อันเป็นผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

ป้องกันและรักษาโรคหัวใจ โดยยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด และเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือด

    ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของโปรตีนคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) บำรุงผิวพรรณทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเรียบลื่น และเพิ่มความแข็งแรงยืดหยุ่นของเอ็นยึดข้อต่อและกระดูกอ่อน
ป้องกันการเสื่อมของจอรับภาพจากอาการเบาหวาน
คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวพรรณ ช่วยให้ผิวหน้าเนียนใส เปล่งปลั่ง ชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ดีเยี่ยม
สาร OPCs ช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานินที่มีมากเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกระ ฝ้า และความหมองคล้ำบนผิวหน้า

    สารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีสาร OPCs ในปริมาณสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงชนิดหนึ่ง ออกฤทธิ์ในการยับยั้ง เอนไซม์ คอลลาจิเนส (Collaginase) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เนื้อเยื่อ คอลลาเจนถูกทำลาย สาร OPCs จะช่วยรักษาความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของเนื้อเยื่อคอลลาเจน และช่วยเสริมความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง

สรุปประโยชน์ Grape seed

- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหลอด
- เสริมสร้างการทำงานของคอลลาเจน
- ต้านอนุมูลอิสระ ลดการเสื่อมทำลายของอวัยวะต่างๆ และช่วยชะลอการแก่ก่อนก่อนวัย
- ยับยั้งการเกิดเม็ดสี เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นฝ้า กระ
- และเสริมการทำงานของกลูต้าไธโอน

ขนาดรับประทาน

    ปริมาณของสารสกัดจากองุ่นที่แนะนำให้รับประทานเพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรคและช่วยต้านอนุมูลอิสระคือ 50 มิลลิกรัมต่อวัน

สำหรับขนาดรับประทานเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคควรเพิ่มขึ้นเป็น 150-300 มิลลิกรัมต่อวัน


--- สนใจสั่งซื้อ Grapeseed Extract ---

Coenzyme Q10 โคเอนไซม์คิวเท็น บำรุงหัวใจ ต่อต้านอนุมูลอิสระ



โคเอนไซม์ Q10 

 สาร ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอการสูญเสียไฮยาลูโรเนดในผิวหนัง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างพลังงาน จึงพบโคเอนไซม์ Q10 มากในผิวและอวัยวะที่ต้องการพลังงาน เช่น หัวใจ
ตับ  มีการทดลองมากมายพบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโคเอนไซม์ Q10  อย่างการทาจะป้องกัน UVA ได้ดี ผลพลอยได้คือช่วยลดการทำลายคอลลาเจนและไฮยาลูโรเนดในผิว ทั้งยังช่วยปรับสภาพผิวให้สวยขึ้นภายใน 6 เดือน  ปกติร่างกายจะสังเคราะห์โคเอนไซม์ Q10 จากอาหารประเภท
โปรตีน คือ ปลาและเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับและหัวใจ มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า Q10 ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดียิ่งขึ้น ถ้าขาด Q10 กล้ามเนื้อหัวใจจะอ่อนแรงลงและทำงานได้ไม่ดี ทำให้มีการใช้ Q10 เกี่ยวกับการช่วยบำรุงหัวใจอย่างกว้างขวาง

บุคคลใดที่ต้องการอาหารเสริมสำหรับผิว ?

1.หากอายุมากกว่า 20 ปี ระบบซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะด้อยประสิทธิภาพลง ประกอบกับฮอร์โมนที่ลดลงและภูมิคุ้มกันไม่สมดุลจึงส่งผลต่อผิว
2.การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือการกินอาหารที่มีสารพิษเจือปนทำให้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารที่จำเป็นต่อร่างกายได้
3.  เมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะ หรือมีความเครียดในการทำงานสูง
ประโยชน์ของ Q10
1.โรคหัวใจและหลอดเลือด
ใน ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปริมาณ คลอเลสเตอรอล ในเลือดสูงเกินไป จนทำให้ไปอุดตามหลอดเลือดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายไปบางส่วน ซึ่ง Q10 ช่วยแก้ปัญหาได้โดยไปยับยั้งไม่ให้ คลอเลสเตอรอล จับเป็นก้อนอุดตันเส้นเลือด
นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคความดัน โลหิตสูง ซึ่งปัจจุบันประชาชนประมาณ 1 ใน 3 มี ปัญหาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง และโรคดังกล่าวถือว่าเป็นภัยเงียบต่อกลุ่มคนดังกล่าว และก็เชื่อกันว่าผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมักมีอาการขาด Q10 การรับประทาน Q10 อาจจะช่วยให้อาการความดันโลหิตสูงดีขึ้น และยังช่วยอาการแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า Q10 มีประโยชน์กับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับ โรคหัวใจ และหลอดเลือดอย่างชัดเจน
2.โรคอัลไซเมอร์
โรค อัลไซเมอร์ เป็นโรคของการเสื่อมทางสติปัญญาที่พบได้เมื่อวัยมากขึ้น   การรับ Q10 เข้าไปในร่างกายสามารถช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้เนื่องจากใน Q10 มี ฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ช่วย การทำงานของต่อมไทรอยด์ให้กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่ประกอบด้วย ไอโอดีนทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัว อารมณ์ดี ลดความซึมเศร้า ช่วยให้ความจำดีขึ้น
และเนื่องจากคุณสมบัติในการต้าน อนุมูลอิสระของ Q10 ที่สามารถช่วยปกป้องการทำลายของอนุมูลอิสระในสมอง และโรคชรา จะเห็นได้ว่าหมอบางคนแนะนำให้กับผู้ป่วยที่อายุเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปให้รับประทาน Q10 เพื่อ ที่จะช่วยอาการขี้หลงขี้ลืม และช่วยชลอการทำลายของเซลสมองอันเนื่องมาจากโรคอัลไซเมอร์ และโรคชรา แต่อาการจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคนด้วย
3. ลดริ้วรอย  ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง

Q10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant)  มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของ Q10 ต่อการลดริ้วรอยว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง   ซึ่งหมายถึง  ทำให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้นได้ โดยให้กลุ่มทดลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ 0.3% ทารอบดวงตาเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่า ความลึกของริ้วรอยลดลงถึง 27% เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุมซึ่งไม่ได้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ ดังนั้น Q10 จึงมีส่วนช่วยลดริ้วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้เป็นอย่างดี





Omega 3 โอเมก้า3 บำรุงสมอง ความจำ


โอเมก้า 3 
เป็นโมเลกุลของกรดไขมันที่ทำให้และซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายและอวัยวะ พวกเขาสามารถเพิ่ม"คอเลสเตอรอล"ดี (HDL) เพื่อช่วยเส้น unclog และหลอดเลือด Omega - 6 เป็นกรดไขมัน pro อักเสบและโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันต้านการอักเสบ . สังคมสมัยใหม่ของเรากินในปริมาณมากเกินไปอาหารที่เต็มไปด้วยอันตราย Omega - 6 น้ำมัน . อาหารของเรามากขาดโอเมก้า 3 อาหารและ โอเมก้า 3 เสริมเป็นความจำเป็น โอเมก้า 3 เสริมเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่แนะนำตอนนี้โดยแพทย์สุขภาพหัวใจเผาผลาญดีขึ้นและสมอง

ประโยชน์ของ Omega 3


    คอเลสเตอรอลสูง : หนึ่งที่ใช้ปริมาณมากกรดไขมันโอเมก้า 3 มีแนวโน้มที่จะมีเพิ่ม HDL ("ดี") คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ลดลง
    ความดันโลหิตสูง : วิจัยชี้ให้เห็นว่าอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 มีกรดไขมันความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญในบุคคลที่มีความดันโลหิตสูง
    โรคหัวใจ : หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อช่วยป้องกันและรักษาโรคหัวใจคือการกินอาหารไขมันต่ำแทนอาหารที่อุดมไปด้วยอิ่มตัวและไขมันทรานส์กับผู้ที่อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว monounsaturated และ (รวมทั้งไขมันโอเมก้า 3 กรด) ปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 (เบื้องต้นจากปลา) ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจาก buildup หินปูนและอุดเลือดในหลอดเลือดแดงที่นำไปสู่สมอง
    เบาหวาน : บุคคลที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานมักจะมีไตรกลีเซอไรด์สูงและระดับ HDL ต่ำ กรดไขมันโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลาจะช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และ apoproteins (เครื่องหมายของโรคเบาหวาน) และเพิ่ม HDL ดังนั้นผู้ที่มีโรคเบาหวานประโยชน์จากการกินอาหารที่อุดมด้วยกรดโอเมก้า 3 ไขมัน
    โรคไขข้อ 3 กรดไขมันโอเมก้าเสริมลดอ่อนโยนในข้อต่อตึงเช้าลดลงและให้การอักเสบลดลงในปริมาณยาที่จำเป็นสำหรับคน rheumatoid กับ
    โรคกระดูกพรุน : กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มระดับของแคลเซียมในร่างกายฝากแคลเซียมในกระดูกและเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
    Depression : คนที่ไม่ได้รับโอเมก้า 3 กรดไขมันเพียงพอหรือไม่รักษาสมดุลสุขภาพของโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันโอเมก้า 6 ในอาหารที่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในภาวะซึมเศร้า กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท จะช่วยให้เซลล์ประสาทติดต่อกันซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาสุขภาพจิตดี
    Burns : กรดไขมันระเหยได้ถูกนำมาใช้เพื่อลดการอักเสบและส่งเสริมการรักษาแผลในเผาเหยื่อ
    หอบหืด : งานวิจัยทางคลินิกแสดงว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 เสริม (ในน้ำมันเมล็ดรูป perilla ของ) อาจลดการอักเสบและปรับปรุงการทำงานของปอดในผู้ใหญ่ที่มีโรคหอบหืด
    มะเร็งลำไส้ใหญ่ : ปริมาณการบริโภคที่สำคัญของอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 จะปรากฏขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ของ การศึกษาทางคลินิกมีรายงานว่าระดับต่ำของกรดไขมันโอเมก้า 3 ในร่างกายมี marker เพื่อเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
    มะเร็งเต้านม : แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดไม่ยอมรับหญิงที่ประจำบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 มากกว่าหลายปีอาจจะน้อยกว่าการพัฒนามะเร็งเต้านม
    มะเร็งต่อมลูกหมาก : เช่นมะเร็งเต้านมสมดุลของโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันโอเมก้า 6 จะปรากฏเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการลดภาวะความเสี่ยงนี้ของเกินไป

---สนใจสั่งซื้อ Omega 3 กดที่นี้ครับ---

L-Cysteine แอล-ซีสเตอีน ประโยชน์ที่ไม่คาดคิด


ประโยชน์ของ L-Cysteine แอล-ซีสเตอีน

   เป็นสารประเภท กรดอะมิโน ชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นในการการสร้าง กลูต้าไธโอนให้กับร่างกาย
โดย L-Cysteine จะทำงานร่วมกันกับ Glycine และ Glutamic acid ที่มีมากในร่างกายเรา มีคุณสมบัติ
ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้านการเสื่อมของเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวหน้า ขาวสวยใส เรียบ เนียน เปล่งปลั่ง
ฝ้าและ จุดด่างดำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่นใต้วงแขน บริเวณขอบชุดชั้นใน (Bikini line) ริมฝีปาก และบริเวณหัวนม ให้ขาวอมชมพู
   -Detoxification : กลูตาไธโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย
   นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ
   -Antioxidant : กลูตาไธโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่
   -Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไธโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ protaglandin

L-cysteine เป็นสารตั้งต้นให้ร่างกายผลิตกลูตาไธโอน และไปกดการทำงานของเมลานิน จึงทำให้ผิวขาวขึ้น


---สนใจสั่งซื้อ L-Cysteine กดที่นี้ครับ---

Milk Thistle บำรุงตับ





Milk Thistle

 เป็นพืชสมุนไพรของฝรั่ง เขาใช้เมล็ดของต้นนี้เป็นยารักษาตับ ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ชื่อว่า Silymarin สารตัวนี้ทำหน้าที่เหมือน Antioxidant ที่ดี ช่วยกำจัดโลหะหนัก และเสริมให้การทำงานของตับแข็งแรงและทำงานดีขึ้น คนที่เป็นโรคตับโดยเฉพาะจากพิษสุราเรื้อรัง ตับอักเสบเนื่องจากผลข้างเคียงของยารักษาโรคแผนปัจจุบันบางชนิดที่กินมานาน ต้น Milk Thistle สามารถช่วยได้ระดับหนึ่งและช่วยปกป้องตับจากสารพิษเสริมสร้างเซลล์ใหม่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะเป็นการปกป้องตับของเรา


สรรพคุณ
-ป้องกันตับจาก สารพิษ ทั้งจากยา ยาพิษ และสารเคมี รักษาความผิดปกติในตับ เช่น โรคตับแข็ง และไวรัสตับอักเสบ ลดการทำลายตับจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
-ปกป้องตับจากการทำเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและเร่งขับสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย
-ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี โดยการเพิ่มการไหลเวียนของน้ำดีจากตับผ่านถุงน้ำดีเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ เพื่อย่อยไขมัน
-ช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน โดยลดอาการอักเสบ และชลอการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง



Collagen คอลลาเจน บำรุงผิว เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง





คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้ ทำหน้าที่ เสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบ เนียน

ในวัยเด็ก คอลลาเจน ยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก จึงทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาวมีผิวหนังที่เต่งตึง แต่เมื่อมีวัยมากขึ้น เส้นใย คอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลายและมีปริมาณลดลง ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย ยิ่งสูงวัยขึ้นเท่าใด ริ้วรอยแห่งวัยก็เห็นชัดขึ้นเท่านั้น ริ้วรอยแรกที่มาเยือนที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ รอยตีนกา เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตามีความบอบบางมาก อีกทั้งกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เป็นกล้ามเนื้อวงกลม ไม่มีอะไรยึด ผิวรอบดวงตาก็เลยจะเหี่ยวมากกว่าที่อื่น



อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้แก่ร่างกายได้เพื่อลดรอยเหี่ยวย่น ด้วยการรับประทาน คอลลาเจน หรือ วิธีการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ แต่วิธีการฉีดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นวิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด



คอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง และยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด โดยเฉพาะข้อต่อในการรับน้ำหนักและขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินหรือวิ่ง เป็นต้น

นอกจากนี้คอลลาเจนยังเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ โดยทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ “ อิลาสติน ” ( Elastin ) ในขณะที่ คอลลาเจน มีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว อีลาสติน ก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว ควบคู่กันไปด้วย

ร่างกายของคนเรานั้นจะมี คอลลาเจน หนาแน่นในวัยเด็ก และจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา จึงเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจน เหล่านี้จะเสื่อมสลาย ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลงอันเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย รวมถึงการเกิดปัญหาข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม อันเนื่องมาจาก คอลลาเจน ใน กระดูก ลดลง ทำให้ กระดูก ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ขาดความยืดหยุ่น เปราะหักง่าย เป็นต้น

โดยพบว่าคนที่มีอายุ 25 ขึ้นไป จะมีปริมาณ คอลลาเจน ลดลงทุกปี ปีละ 1.5% อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้ร่างกายได้ ด้วยการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ และอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกคือ การรับประทาน คอลลาเจน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนังและเพื่อเสริมให้กระดูกแข็งแรง ควรรับประทาน คลอลาเจน และ แคลเซียม เสริมจะช่วยป้องกัน ภาวะกระดูกพรุนได้



การสังเคราะห์คอลลาเจน



 ในชั้นหนังแท้ (Dermis) มีเซลล์ชนิดหนึ่งชื่อ ไฟโบรบลาสท์ (Fiberblast) ซึ่งกระจายไปทั่วและมีจำนวนมาก ทำหน้าที่สังเคราะห์ คอลลาเจน (Collagen) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) และยังผลิตอิลาสติน (Elastin) ออกมาอีกจำนวนหนึ่งด้วย วิธีการผลิตคอลลาเจนของเซลล์ไฟโบรบลาสท์มีลักษณะคล้ายกับวิธีการทำงานของเซลล์ประเภทเม็ดโลหิตขาวขนาดใหญ่ คือ ตรงบริเวณเยื่อหุ้มเซลล์จะมีพื้นที่เฉพาะ (Receptor) สำหรับให้โมเลกุลของสารเคมีหรืออาจเป็นเนื้อเยื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นหรือก่อกวนเซลล์ไฟโบรบลาสท์ให้ทำงานมาเกาะ รูปร่างของโมเลกุลที่เป็นตัวให้สัญญาณจะต้องพอดีกับพื้นที่เฉพาะ (Receptor) นั้น จึงจะเกิดการทำงาน ถ้าจับกันสนิทแนบแน่น เซลล์ไฟโบรบลาสท์ ก็จะเกิดการตื่นตัว (Active) และเร่งผลิตสารเคมี 3 อย่างออกมา ได้แก่ 1) คอลลาเจน (Collagen) ทำให้ผิวตึง แน่น 2) อิลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวหนังสามารถโค้งงอได้และเป็นตัวมัดคอลลาเจน และ 3) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติสำคัญคือสร้างความชุ่มชื้น เพราะสามารถดูดน้ำไว้ในตัวเองได้ถึง 1,000 เท่าโดยน้ำหนัก และจะเป็นตัวทำให้ผิวหนังเต็มออกมา ซึ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ



ประโยชน์ของคอลลาเจนคอลลาเจน(Collagen) 



ทำหน้าที่เชื่อมเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกายเข้าด้วยกัน ช่วยปกป้องอวัยวะภายในร่างกายให้อยู่ด้วยกันในผิวหนังชั้นหนังแท้ รวมทั้งมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเรียบตึงของผิวหนังทำให้ผิวหนังแข็งแรงและเรียบเนียนในด้านโภชนาการ พบว่าโดยทั่วไปแล้ว โปรตีนเกือบทุกชนิดถูกย่อยด้วยระบบย่อยอาหารในทางเดินอาหารจนได้กรดอะมิโนอิสระ ซึ่งมีครบทั้ง 20 ชนิด แต่จากที่คอลลาเจนเป็นโปรตีนไม่สมบูรณ์ คือให้กรดอะมิโนไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ กล่าวคือคอลลาเจนจะให้กรดอะมิโนอิสระเพียง 5 ชนิด ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีคอลลาเจนนั้น จึงเป็นการรับประทานเพื่อความบันเทิง มากกว่าจะเอาประโยชน์อย่างจริงจัง ทั้งนี้เพราะคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบของผิวหนังกระดูก กระดูกอ่อน(cartilage) เอ็น (tendons) และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวกับการยืดเหนี่ยว (ligaments)เช่น เหงือกของสัตว์ชั้นสูง ดังนั้นเวลาที่เราเคี้ยวคอลลาเจนจึงเปรียบเหมือนที่เราเคี้ยวลูกชิ้นเอ็นปัจจุบันคอลลาเจนถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย เช่น ทางการแพทย์ใช้เพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง ใช้เป็นไหมละลายในการผ่าตัด ใช้เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใช้เป็นสารบุร่องเหงือก ตลอดจนใช้เป็นเครื่องสำอางเพื่อทำให้ผิวหนังดูอ่อนวัย ลบริ้วรอยปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนจากข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจนคือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดดจ้าที่เข้มข้นด้วยรังสี UV เกินปกติ มลพิษต่างๆ การสูบบุหรี่ สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จากสาเหตุดังกล่าวส่งผลทำลายผิวหนังในชั้นกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือคอลลาเจน และอิลาสติน ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวหนังดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่นดี และควบคุมความชุ่มชื้น ซึ่งจะถูกทำลายให้บางลงในวัยเด็ก และวัยหนุ่มสาว เราจะสังเกตเห็นว่าผิวหนังจะมีความเต่งตึง เนื่องมาจากคอลลาเจนยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก นอกจากนี้คอลลาเจนยังมีการสร้างทดแทนอยู่ตลอดเวลาที่ร่างกายแข็งแรง แต่กระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกายโดยเฉพาะที่ผิวหนังนั้นก็จะน้อยลงเรื่อยๆเมื่อยิ่งสูงวัยขึ้น ทำให้เกิดความไม่สมดุลกันระหว่างการผลิต และการสลายตัวของคอลลาเจน จนถึงจุดหนึ่งการสูญเสียคอลลาเจนตามธรรมชาติเกิดมากกว่าการสร้าง ส่งผลทำให้ชั้นผิวหนังยุบและทรุดตัวลงอันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย



--- สนใจสั่งซื้อ Collagen กดที่นี้เลยครับ ---

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Saw Palmetto ช่วยให้ระบบปัสสาวะเป็นปกติ ลดผมร่วง


Saw Palmetto หรือปาล์มใบเลื่อย 
เป็นปาล์มใบรูปพัด พบในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ผลรูปไข่จากต้นไม้นี้มีผู้สนใจใช้แก้ปัญหาทางเดินปัสสาวะกันมานานแล้ว
     นักวิจัยชาวยุโรปได้วิจัยผลปาล์มใบเลื่อย และพบว่าไขมันที่สกัดได้จากผลปาล์มแห้งมีสารประกอบที่น่าสนใจหลายชนิด มีโครงสร้างคล้ายสเตอรอยด์ และเรียกสารเหล่านี้ว่า “ไซโทสเตอรอล” สารหลายชนิดในผลปาล์มออกฤทธิ์เหมือนสารต้านแอนโดรเจน หรือสารต้านฮอร์โมนเพศชาย ต่อมานักวิจัยชาวยุโรปอีกเช่นกัน ก็ได้พบว่าสารสกัดจากผลปาล์มดังกล่าว มีฤทธิ์ที่มีประโยชน์สำหรับการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตที่ไม่ได้เกิดจากโรค มะเร็ง (BPH)ภาวะต่อมลูกหมากโตก่อความรำคาญให้แก่ผู้ที่เป็นมาก เนื่องจากทำให้ถ่ายปัสสาวะลำบาก กระเพาะปัสสาวะเก็บกักน้ำปัสสาวะได้น้อย (จำเป็นต้องถ่ายปัสสาวะบ่อย ๆ) ต้องตื่นมาถ่ายปัสสาวะบ่อย ๆ เวลากลางคืน ถ่ายปัสสาวะไม่สุด จึงเกิดสภาพปัสสาวะราดหลังการถ่ายปัสสาวะ หรือปัสสาวะราดเพราะกลั้นไม่ได้ ต้องถ่ายปัสสาวะทันทีที่รู้สึกปวด ขนาดของสายน้ำปัสสาวะและความแรงของสายน้ำปัสสาวะลดลง ปัญหาต่าง ๆ เกิดจากเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมากขยายโตขึ้นเบียดท่อปัสสาวะให้ตีบแคบลงใน ช่วงที่ท่อปัสสาวะลอดผ่านต่อมลูกหมาก ผู้ชายที่อายุเกิน 50 ปี มีปัญหาเรื่องนี้กันมาก และผู้ชายอายุ 80 ปี เกือบร้อยละ 90 เกิดปัญหานี้

คุณประโยชน์

- ช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากลง โดยผ่านกลไกดังต่อไปนี้
- ยับยั้งการออกฤทธิ์ของเอนไซม์ซึ่งเปลี่ยนเทสโทสเตอโรนไปเป็น 5-แอลฟา-ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน
- สกัดกั้นการจับตัวของไดไฮโดรเทสโทสเตอโรนกับเนื้อเยื่อ
- ระงับอาการอักเสบ ซึ่งจะช่วยลดอาการของภาวะต่อมลูกหมากโตลงได้
- ไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกาย จึงไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องกามตายด้าน


---สนใจสั่งซื้อ Saw Palmetto กดที่นี้เลยครับ---

กลูต้าไทโอน Glutathione ประโยชน์ที่น่ารู้



Glutathione

เป็น Amino Acid ที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองในร่างกาย แต่มีปริมาณน้อยอาจไม่เพียงพอในการนำไปสร้างเป็น Enzyme Glutathione Peroxidase ซึ่งเป็นสาร Antioxidants ป้องกันการเกิดของ Free Radicals และป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ตับ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการขับล้างสารพิษในกระแสเลือดให้กลายเป็นสารที่ไม่อันตรายและขับออกจากร่างกายทางตับ (Detoxifocation) อย่างไรก็ตามเราสามารถเพิ่มระดับของกลูต้าไทโอน ในร่างกายได้ง่ายๆ โดยการรับประทาน L-Glutathione เข้าไปโดยตรง หรือ รับประทานสารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้ในการสร้าง กลูต้าไทโอน เช่น Alpha Lipoic Acid และ N-Acetylcysteine ให้มากขึ้น หรือ การรับประทาน antioxidants อื่น เช่น Vitamin C เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเก็บ กลูต้าไทโอน ที่ตับให้มากขึ้น

Glutathione คืออะไร?


Glutathione (กลูตาไทโอน) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid ที่ร่างกายนำมาใช้ร่วมกับ Selenium ในการสร้าง Antioxidant Enzyme อย่าง Glutathione Peroxidase เพื่อใช้ในการป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระต่อเซลต่างๆในร่างกาย

หน้าที่หลักของ Glutathione มีอยู่ 3 ประการ คือ

Detoxification : กลูตาไทโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ นอกจากนี้กลูตาไทโอน ประกอบด้วยเอมไซม์ (Tyrosinase) ที่ควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน เมื่อร่างกายได้รับ Tyrosinase ในปริมาณที่เหมาะสมจะควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้เม็ดสีมีอ่อนลงหรือขาวขึ้น

Antioxidant : กลูตาไธโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่

Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไทโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ protaglandin แหล่งที่พบ : พบสารชนิดนี้ได้ในพืชผักชนิดต่างๆ ผลไม้ทั่วไปและเนื้อสัตว์ แต่จะพบมากใน Asparagus อะโวกาโด และ Walnut ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูตาไทโอนได้และมีสารหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มการสร้างได้แก่ Alpha lipoic acid, Glutamine3, Methionine, Whey Protein, Vitamin B-6, Vitamin B-2 , Vitamin C4 และ Selenium

ภาวะการขาด : โดยปกติแล้วร่างกายเราจะไม่ขาดกลูตาไทโอน นอกเสียจากจะเป็นโรคบางชนิดที่ทำให้เกิดความต้องการสารตัวนี้มากขึ้น หรือโรคที่ต้านการสร้าง Glutathione5 โรคหรืออาการบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการขาด สารนี้หรือต้องการสารนี้ในปริมาณเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคตับ เบาหวาน โรคความดัน6 ต้อหิน มะเร็ง7 เอดส์ ฯลฯ ในผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะพบว่ามีระดับกลูตาไทโอน ในเลือดต่ำ เนื่องจากอัตราในการใช้กลูตาไทโอน เพิ่มขึ้น

ชนิดและขนาดรับประทาน : ปัจจุบันกลูตาไทโอนมีวางจำหน่ายในหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ดหรือแคปซูล ชนิดพ่น ชนิดฉีดเข้าเส้นและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ป่วยโรคชนิดต่างๆ ที่ตรวจพบว่ามีการขาดสารนี้ควรใช้ตามแพทย์แนะนำ ในแง่ของการป้องกัน หรือเพื่อต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น ขนาดที่รับประทานคือ 500-1000 มก. ต่อวัน ถึงทุกวันนี้ยังไม่พบผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาระหว่างยาของกลูตาไทโอนชนิดรับประทานและไม่มีผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก หากไม่ป้องกันและหลบเลี่ยงสงแดดสีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม

แอล-กลูต้าไธโอน กับ กลูต้าไธโอน เหมือนกันไหม? ตัวไหนทำให้ขาวกว่ากัน?

แอล-กลูต้าไธโอนเป็นสารออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอน ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็สรรพคุณเหมือนกัน และไม่มีผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก แต่หากไม่ป้องกันและหลบเลี่ยงสงแดดสีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม - ทราบหรือไม่กลูต้าไทโอนยังมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้อีกด้วย


สาหร่ายรูปเกลียวทอง Spirulina ประโยชน์มากมาย


สาหร่ายรูปเกลียวทอง (Spirulina)
   เป็นสาหร่ายรูปเกลียวที่มีขนาดเล็กมากจนต้องดู ด้วยกล้องจุลทรรศน์ นับเป็นอาหารเสริมสุขภาพที่มีสารอาหารหลากหลายมากที่สุดตัวหนึ่งของโลก
เป็นสาหร่ายรูปเกลียวที่มีขนาดเล็กมากจนต้องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ นับเป็นอาหารเสริมสุขภาพที่มีสารอาหารหลากหลายมากที่สุดตัวหนึ่งของโลก สาหร่ายสไปรูไลน่าเป็นแหล่งของโปรตีนสมบูรณ์แบบที่เพียบพร้อมไปด้วยกรดอะมิ โนชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 8 ชนิด (กรดอะมิโนเอสเซนเซียล, ไอโซลิวซีน, ลิวซีน,
เมไธโอนีน, เฟนนิลอะลานีน, ทรีโอนีน, วาลีน) และอื่นๆ อีก 10 ชนิด โปรตีนสมบูรณ์เหล่านี้อยู่ในรูปที่ย่อยง่าย ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็ว สาหร่ายสไปรูไลน่ายังมีกรดไขมันที่จำเป็นและเป็นแหล่งของธาตุเหล็ก และโฟลิค แอซิด (Folic Acid) ชั้นดี ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง สาหร่ายสไปรูไลน่ายังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยชะลอความเสื่อมชราของร่างกาย และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ได้แก่ เบต้าแคโรทีน, วิตามิน อี, สังกะสีและซีลิเนียม ซึ่งยังช่วยลดระดับไขมันในเลือดอีกด้วย สาหร่ายสไปรูไลน่าเป็นสารอาหารจากพืชเป็นอาหารที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ทานเจและ มังสวิรัติ

         มีคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาหร่าย สไปรูลิน่าที่ทำการวิจัยทั่วโลกกว่า 4 หมื่นคน ในระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา บอกว่า
สาหร่ายสไปรูลิน่านี้มีส่วนประกอบที่พิเศษ คือ มีอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายสูง กว่าเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่
สามารถผลิตได้เอง แต่ร่างกายต้องการใช้ เป็นประจำทุกวัน มีวิตามินจำพวกเบตา คาโรทีนมากกว่าผักถึง 25 เท่า มีธาตุเหล็ก สูงกว่า
ตับถึง 28 เท่า และเป็นแหล่งรวมของ วิตามิน บี 12 ทั้งหมดนี้จึงทำให้สาหร่าย สไปรูลิน่าส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของ ระบบ
ประสาท ป้องกันเซลล์สมอง และเสริม สร้างการส่งสัญญาณในระบบสมอง คนที่มี พฤติกรรมไม่ดีในการรับประทานอาหาร ไม่ ชอบ
ทานผักผลไม้ หรือต้องเสียพลังงานกับ การออกกำลังกาย

         ปัจจุบันสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์ อาหารกว่า 70 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า สาหร่าย
สไปรูลิน่า เป็นอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษ และมีคุณค่าทางอาหารไม่มีสารตกค้าง สามารถใช้บริโภคได้อย่างดี มีรายงานผล การ
วิจัยอย่างมากมายว่าสไปรูลิน่าสามารถ ช่วยบังเกิดผลดีต่อการบำรุงและเสริมการ รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น


สาหร่ายสไปรูไลน่ามีผลต่อร่างกายของเราอย่างไร
1.  ต้านเชื้อไวรัสหลายชนิด (Antiviral) และลดการก่อมะเร็ง (Antimutagenic)
2.  ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
3.  ลดไขมันในเลือดได้ทั้งคลอเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความ ดันสูง
ไตรกลีเซอไรด์ อย่างมีนัยสำคัญ
4.  มีสารเบต้าแคโรทีน ไฟโคไชยานิน และคลอโรฟิลซึ่งเป็นสารต่อต้านมะเร็ง มีงานวิจัยว่าสามารถลดการเกิดมะเร็งในช่องปาก ในประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งชนิดนี้
5.  มีกรดอะมิโนเมไธโอนิน ช่วยบำรุงตับและสามารถลดความเป็นอันตรายต่อตับเมื่อได้รับสารพิษ
6.  มีความปลอดภัยสูง ได้มีการวิจัยความเป็นพิษและผลต่อการตั้งครรภ์ในสัตว์ทดลองและพบว่าปลอดภัย
7.  ช่วยให้ความจำดีขึ้น
8.  บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์
9.  ช่วยลดความเครียดและความไม่ สมดุลของร่างกาย
10. ลดกรดและช่วยเคลือบแผลใน กระเพาะอาหาร
11. ป้องกันและรักษาอาการเมาค้าง
12. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
13. ระงับการลุกลามของโรคตา อาทิเช่น ตามัว ต้อหิน ต้อกระจก
14. เป็นอาหารเสริมสำหรับนักกีฬา เพื่อ เพิ่มพละกำลังที่ต้องเสียพลังงานกับการออก กำลังกาย
15. ช่วยรักษารูปร่างและทรวดทรงให้ สมส่วน เป็นต้น

---สนใจสั่งซื้อ Spirulina กดที่นี้เลยครับ---

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Beta Carotene เบต้า แคโรทีน กับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง


Beta Carotene เบต้า แคโรทีน

บำรุงสุขภาพสายตา, บำรุงผิวพรรณ, ป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด, เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย

เบ ต้าแคโรทีน หรือโปรวิตามินเอ สกัดได้จากผัก ผลไม้สีเหลืองส้ม หรือสีเขียวเข้ม ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ ในรูปที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ในปริมาณเท่าที่ร่างกายต้องการ เมื่อหมดความต้องการวิตามินเอแล้ว กระบวนการเปลี่ยนแปลงเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอก็จะหยุดลง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในเรื่องการเกิดพิษจากวิตามินเอส่วนเกิน

เบ ต้า แคโรทีน 3 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับวิตามินเอ 5,000 IU

ประโยชน์เบต้า แคโรทีน Beta Carotene

- บรรเทา อาการตาแห้ง ซึ่งเกิดจากการขาดวิตามินเออย่างรุนแรง
- เป็น วิตามินต่อต้านการติดเชื้อ
- ป้องกัน โรคผิวหนังบางชนิด เช่น สิว
- ช่วย ในกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์ล์ผิว ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- ทำ ให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ไม่หยาบกร้าน ไม่ตกสะเก็ด
- ชะลอ การเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ป้องกัน อาการผิวไหม้จากแสงแดด
- มี ส่วนร่วมในกระบวนการการสร้างกระดูกและฟัน

เบต้า แคโรทีนจากธรรมชาติดีอย่างไร

   การ เลือกรับประทาน “เบต้าแคโรทีนที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ” จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการรับประทานเบต้าแคโรทีนที่เป็นสาร สังเคราะห์ เนื่องจากเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติจะมีการจัดเรียงสูตรโครง สร้างทางเคมีที่เหมาะสมต่อการนำไปใช้งานภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายได้ประโยชน์จากเบต้าแคโรทีนที่รับประทานเข้าไปอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีความปลอดภัย เพราะมีความคล้ายคลึงกันกับการรับประทานจากอาหาร

---สนใจสั่งซื้อ Beta Carotene กดที่นี้เลยครับ---

Evening Primrose Oil น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส คืออะไร




น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil)
เป็นกรดไขมันจำเป็นที่สกัดได้จากดอกอีฟนิ่ง พริมโรส ซึ่งเป็นพืชล้มลุกที่มีดอกสีเหลืองเป็นพืชที่พบมากในแถบอเมริกาเหนือและยุโรปถือเป็นพืชดั้งเดิมของชาวอินเดียแดงของอเมริกาได้นำไปใช้ประโยชน์ในการรักษาสุขภาพต่างๆ มาตั้งแต่โบราณกาลด้วยสรรพคุณต่างๆ มากมายของน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสที่มีต่อร่างกาย และเป็นสรรพคุณต่างๆ มากมายของน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสที่มีต่อร่างกายและเป็นสรรพคุณที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก  จึงทำให้มีผู้ขนานนามให้กับน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสว่าเป็น The King Cure All หรือ เจ้าแห่งการรักษาทั้งปวงเพราะน้ำมันที่สกัดจากดอกอีฟนิ่งพริมโรสจะอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นชนิดไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า-6 ที่สำคัญ  กรดแกมมาไลโนเลนิค หรือ GLA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสที่อุดมไปด้วย GLA  ส่งผลที่ดีต่อสุขภาพหลายประการ เนื่องจาก GLA ที่ได้รับจากการรับประทานน้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรสจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสารพลอสตาแกลนดินที่มี

   สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นหรือ ผู้หญิงที่มีอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือน เช่นปวดเกร็งช่องท้องคัด  หน้าอก ช่วยบรรเทาอาการของผู้หญิงวัยก่อนหมดรอบเดือน

ส่วนประกอบคล้ายฮอร์โมน มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ

1.  ช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นเพราะกรดไขมันจำเป็นสองชนิดที่พบใน น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส คือกรดไลโนเลอิค (LA)และกรดแกมมาไลโนเลนิค (GLA) นั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกาย รวมทั้งเซลล์ผิวหนังและเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสาร PGE1 ซึ่ง PGE1 จะช่วยให้ผนังหลอดเลือดแดงมีความสมบูรณ์แข็งแรงทำให้สารอาหารต่างๆ มาหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวให้แข็งแรง ส่งผลให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง คืนความยืดหยุ่นให้กับผิว

2. ช่วยลดอาการก่อนมีรอบเดือน เช่น อาการปวดท้อง ปวดคัดหน้าอก อาการก่อนมีรอบเดือน มีสาเหตุเกิดจากภาวะไม่สมดุลของสารพลอสตาแกลนดินในร่างกาย  ผลที่ตามมาคือระดับ PGE1 ลดลงส่งผลให้ผู้หญิงมีอาการปวดประจำเดือน เจ็บคัดหน้าอก

3.  บรรเทาอาการของผู้หญิงวัยทอง ผู้หญิงทุกคนเมื่อเริ่มสูงวัยขึ้นปัญหาที่มิอาจเลี่ยงได้คือระดับฮอร์โมนเพศหญิง คือ เอสโตรเจนจะค่อยๆ ลดลง ส่งผลให้เข้าสู่ภาวะใกล้หมดประจำเดือนหรือวัยทอง คืออาการไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวร้อนวูบวาบ ปวดเมื่อย ผิวหนังแห้ง อารมณ์แปรปรวน เนื่องจากผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยที่มากขึ้นความสามารถของร่างกายในการเปลี่ยนกรดไขมัน LA ให้เป็น GLA และ PGE1 จะลดลงซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอาการวัยทองดังนั้นการรับประทานน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสจะสามารถช่วยบรรเทาอาการและชะลอการเข้าสู่วัยทองได้

4.  บรรเทาอาการของโรคต่างๆ เช่น โรคผิวหนังอักเสบอาการไขข้ออักเสบ ข้อรูมาตอยด์  โรคหัวใจ และหลอดเลือด เบาหวาน ไมเกรน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ควรมาจากแหล่งที่มีคุณภาพสูงโดยใช้ วิธีการสกัดด้วยความเย็น เนื่องจากสารสำคัญจะไม่ถูกทำลายจากความร้อนในขั้นตอนการสกัด


---สนใจสั่งซื้อ Evening Primrose Oil---